กรุงเทพฯ--1 ต.ค.--บีโอไอ
บีโอไอเผยการลงทุนกลุ่มกิจการซอฟต์แวร์ 7 เดือนแนวโน้มสดใส หลังอนุมัติลงทุนแล้วกว่า 100 โครงการ พร้อมเตรียมไฟเขียวกิจการซอฟต์แวร์พัฒนาระบบบัตรเติมประเภทบัตรร่วมที่ใช้ได้กับการเดินทางทุกประเภท และซอฟต์แวร์ระบบประมวลผลการเงินแบบครบวงจรจากผู้ลงทุนรายใหญ่ของโลก
นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ทิศทางการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลของรัฐบาลได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกิจการด้านซอฟต์แวร์ ซึ่งตั้งแต่ช่วงต้นปีถึงเดือน กรกฎาคม 2558 ที่ผ่านมา บีโอไอ ได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนไปแล้วถึง 107 โครงการ
เงินลงทุนรวมกว่า 668 ล้านบาท
กิจการที่ได้รับอนุมัติส่วนใหญ่เป็นการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ ที่มุ่งอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน และตอบสนองการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ เช่น การพัฒนาระบบเกมบนโทรศัพท์มือถือ ซอฟต์แวร์รองรับระบบโทรคมนาคม 4G การพัฒนาระบบบอกพิกัดช่วยติดตามตัวบุคคลสำหรับธุรกิจประเภทต่างๆ เช่น การประกันภัย การเงินการธนาคาร
ซอฟต์แวร์สำหรับระบบบอกพิกัดของสถานที่สำคัญ ๆ ในประเทศไทย และซอฟต์แวร์ที่ใช้พัฒนาระบบข้อมูลหรือระบบประมวลผลขนาดใหญ่ (Big data) ขององค์กร
นอกจากนี้ยังมีกิจการพัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับเปรียบเทียบราคาสินค้า การจัดทำระบบซื้อขายสินค้าออนไลน์ ซอฟต์แวร์สำหรับสื่อโฆษณามัลติมีเดียแนวใหม่ รวมถึงซอฟต์แวร์เพื่อยกระดับการศึกษาด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการเรียนการสอน และการผลิตการ์ตูนแอนิเมชัน เป็นต้น
"การลงทุนในกิจการซอฟต์แวร์มีทั้งการต่อยอดจากกิจการเดิม และการลงทุนใหม่ โดยมุ่งเน้นพัฒนาระบบให้รองรับกับการเปลี่ยนแปลง หรือกระแสการพัฒนาเทคโนโลยีของโลก ซึ่งแม้การลงทุนแต่ละโครงการมีมูลค่าไม่สูงนัก แต่จะสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจได้อย่างมาก รวมถึงสอดรับกับเป้าหมายของ บีโอไอที่เน้นส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ
ในประเทศ โดยปัจจุบันนอกจากกิจการซอฟต์แวร์จะมีกลุ่มที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ยังมีกลุ่มนักลงทุนไทยจำนวนมากที่กลายเป็นผู้พัฒนาระบบเองจนติดหนึ่งในระดับภูมิภาค ที่นักลงทุนต่างประเทศสนใจเข้าร่วมลงทุนเพื่อต่อยอดการพัฒนาระบบให้มีศักยภาพยิ่งขึ้น" นางหิรัญญา กล่าว
นางหิรัญญา กล่าวว่า แนวโน้มการขอรับส่งเสริมการลงทุนในกิจการซอฟต์แวร์มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีกิจการที่น่าสนใจได้ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนแล้วและบีโอไออยู่ระหว่างการพิจารณาหลายโครงการ เช่น กิจการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับระบบเก็บเงินออนไลน์ (Billing system) ของรถไฟฟ้า เพื่อให้มีลักษณะเป็นบัตรร่วมสามารถใช้กับระบบคมนาคมอื่น ๆได้หลากหลาย รวมถึงโครงการลงทุนของผู้ประกอบการรายใหญ่จากต่างประเทศที่ขอขยายโครงการเพื่อพัฒนาระบบซอฟต์แวร์สำหรับโปรแกรมวิเคราะห์และประมวลผลทางการเงินแบบครบวงจร ซึ่งคาดว่าการลงทุนดังกล่าวจะทำให้ไทยเป็นฐานของการประมวลผลระบบการเงินของบริษัทในเครือจากทั่วโลก และจะก่อให้เกิดการจ้างงานคนไทยเพิ่มขึ้นอีกมากหลังจากในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้จ้างทีมพัฒนาซอฟต์แวร์คนไทยไปแล้วมากกว่า 700 คน
ทั้งนี้ การส่งเสริมการลงทุนในกิจการซอฟต์แวร์ อยู่ในกลุ่มกิจการที่ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลาตั้งแต่ 5-8 ปี โดยไม่กำหนดวงเงินภาษีที่ยกเว้น ซึ่งจากความสนใจลงทุนในกิจการซอฟต์แวร์ในปัจจุบันแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนและตอกย้ำถึงการที่ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการพัฒนาซอฟแวร์ที่สำคัญของภูมิภาคอย่างแท้จริง