กรุงเทพฯ--5 ต.ค.--124 คอมมิวนิเคชั่นส คอนซัลติ้ง
บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) หรือ TWPC พร้อมกลับมาโลดแล่นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 5 ตุลาคมนี้ ภายหลังการควบรวมกิจการระหว่างสองยักษ์ใหญ่ บมจ. ไทยวาสตาร์ช ("TWS") ผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์จากมันสำปะหลังรายใหญ่ และ บมจ. ไทยวาฟูดโปรดักส์ ("TWFP") ผู้ครองส่วนแบ่งตลาดวุ้นเส้นอันดับหนึ่งในประเทศไทยสูงถึง 44% โดยทั้งสองต่างมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมของตนเองมายาวนานกว่า 60 ปี โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้สูงขึ้น
นายโฮ เรน ฮวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) หรือ TWPC เปิดเผยว่า ผู้ถือหุ้นเห็นชอบการควบรวมกันของทั้ง 2 บริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้วในการประชุมผู้ถือหุ้นร่วมเมื่อวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา จึงได้มีการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทใหม่ และพร้อมกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์อีกครั้งในวันที่ 5 ตุลาคมนี้ โดยมี บจ. ที่ปรึกษา เอเชีย พลัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
การควบรวมกิจการระหว่างสองยักษ์ใหญ่ บมจ. ไทยวาสตาร์ช ("TWS") ผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์จากมันสำปะหลังรายใหญ่ และ บมจ. ไทยวาฟูดโปรดักส์ ("TWFP") ผู้ครองส่วนแบ่งตลาดวุ้นเส้นอันดับหนึ่งในประเทศไทยสูงถึง 44% ที่ต่างมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมของตนเองมายาวนานกว่า 60 ปีในครั้งนี้ มีจุดประสงค์เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้สูงขึ้น รวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการควบรวม (synergy) อาทิ การเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน การขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศ และการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่เพื่อการเติบโตในอนาคต โดยบริษัทใหม่จะมีทุนจดทะเบียนเท่ากับ 880,420,930 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวนทั้งสิ้น 880,420,930 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
โดยผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของ บมจ. ไทยวาสตาร์ช หรือ TWS ผู้นำในการผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์จากมันสำปะหลังของไทย ภายใต้เครื่องหมายการค้าตรากุหลาบ หรือ Rose Brand ซึ่งได้รับการยอมรับทั่วโลกนั้น แนวโน้มรายได้ในช่วงปี 2552-2557 มีอัตราการเติบโตที่ดี อยู่ที่ 11.7% p.a. (CAGR) โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากความต้องการแป้งมันสำปะหลังเพื่อนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารทั้งจากภายในประเทศเองและจากประเทศจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และ บมจ. ไทยวาฟูดโปรดักส์ หรือ TWFP ผู้ผลิตและจำหน่ายวุ้นเส้นรายใหญ่อันดับ 1 ในประเทศไทย ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 44% รวมถึงผลิตภัณฑ์จากแป้งถั่วเขียวอื่นๆ ได้แก่ วุ้นเส้นและเส้นเซี้ยงไฮ้ ภายใต้เครื่องหมายการค้า "มังกรคู่" "หงษ์" และ "กิเลนคู่" และผลิตภัณฑ์เส้นก๋วยเตี๋ยว ได้แก่ เส้นใหญ่ เส้นเล็ก และเส้นหมี่ ซึ่งมีมูลค่าทางการตลาดที่สูงกว่าตลาดวุ้นเส้น 5 เท่าและมีแนวโน้มเติบโตอีกมาก
นายเรน ฮวา กล่าวต่อว่า TWPC มุ่งมั่นที่จะเติบโตระดับภูมิภาคในการทำตลาดใหม่ในภูมิภาคอาเซียน และต่อยอดสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ (grow regionally to new markets in ASEAN and innovate new products verticals) สำหรับแผนการในระยะสั้นนี้ เรามุ่งเน้นที่จะเพิ่มยอดขาย รวมทั้งพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รวมถึงการขยายกำลังผลิตเส้นก๋วยเตี๋ยวสดด้วย ในปี 2559 เชื่อว่าจะยังสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยแรงสนับสนุนจากตลาดในประเทศจีนและเวียดนาม รวมถึงศักยภาพความเป็นผู้นำในตลาดในประเทศอีกด้วย ในปี 2559-2560 จะเติบโตได้มากขึ้น โดยกำลังการผลิตใหม่ ๆ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการส่งออก ประกอบกับธุรกิจวุ้นเส้นที่คาดพลิกกลับมาเติบโตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ โดยฝ่ายวิจัย เอเชีย พลัส คาดการณ์ว่าแนวโน้มกำไร โดยรวมคาดกำไรปี 2559-2560 จะเติบโต 16.2% yoy และ 7.8% yoy เท่ากับ 529 ล้านบาทและ 570 ล้านบาทตามลำดับ TWPC มีเป้าหมายที่จะเพิ่มยอดขายเป็น 2 เท่าตัวในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยเพิ่มยอดขาย 5,500 ล้านบาทจากปี 2557 เป็น 11,000 ล้านบาทในปี 2563