ไอบีเอ็มเผยโฉม 3 ซอฟท์แวร์ใหม่ ช่วยพัฒนาแอพพลิเคชั่นส์ธุรกิจ เตรียมพร้อมองค์กรก้าวสู่ยุคพาณิชย์อิเล็คทรอนิคส์อย่างมั่นใจ

ข่าวเทคโนโลยี Thursday October 8, 1998 14:01 —ThaiPR.net

กรุงเทพ--8 ต.ค.--ไอบีเอ็ม
เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย ประกาศเปิดตัว 3 ซอฟท์แวร์ใหม่ที่พัฒนาจากเทคโนโลยีจาวาและสามารถทำงานร่วมกันบนอินเตอร์เน็ทได้เป็นอย่างดี หวังช่วยผู้พัฒนาซอฟท์แวร์และองค์กรธุรกิจ สร้างโปรแกรมสำหรับธุรกิจเพื่อก้าวสู่ความสำเร็จในยุคพาณิชย์อิเล็คทรอนิคส์ (e-Business) พร้อมตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเทคโนโลยีจาวาซึ่งจะกลายเป็นมาตรฐานในอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ในอนาคต
นางเจษฎา ไกรสิงขร ผู้จัดการตลาดซอฟท์แวร์ เปิดเผยว่า ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จะวางตลาดซอฟท์แวร์ใหม่ ได้แก่ VisualAge for Java เวอร์ชั่น 2.0 ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ได้รับรางวัลต่างๆ มากที่สุดขณะนี้ ในการพัฒนาโปรแกรมทางธุรกิจที่สามารถทำงานได้บนเซิฟเวอร์ต่างๆ ตั้งแต่ Windows NT ไปจนถึง OS/390 และยังสนับสนุนเว็บสเฟียร์ ซอฟท์แวร์ใหม่ที่รวมเอาเทคโนโลยีของโปรแกรมเซิฟเวอร์ที่สนับสนุนการทำธุรกรรมต่าง ๆ มารวมไว้ในชุดเดียวกัน พร้อมกับออกเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดของซานฟรานซิสโก โครงการพัฒนาเทคโนโลยีจาวาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้แก่ ซานฟรานซิสโก เวอร์ชั่น 1.3 ซึ่งเป็นเครื่องมือในการพัฒนาแอพลิเคชั่นส์ธุรกิจชุดแรกของวงการ ที่ได้รับการทดสอบและสามารถนำมาใช้ซ้ำได้อีก ซึ่งจะช่วยให้ผู้พัฒนาซอฟท์แวร์และองค์กรธุรกิจสามารถพัฒนาแอพพลิเคชั่นส์สำหรับ e-business ได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ คุณสมบัติพิเศษเฉพาะของซอฟท์แวร์ใหม่ทั้ง 3 ชุดนั้น จะช่วยให้ผู้พัฒนาซอฟท์แวร์และองค์กรธุรกิจสร้างแอพพลิเคชั่นส์ที่ใช้งานง่ายและเหมาะสมกับการใช้งานของแต่ละองค์กรได้อย่างดีและใช้เวลาในการพัฒนาสั้นลง นอกจากนี้ การที่ซอฟท์แวร์ทั้งสามชุดพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีจาวาซึ่งไอบีเอ็มให้การสนับสนุนอย่างสูง รวมทั้งคุณสมบัติพิเศษต่างๆ ทำให้ซอฟท์แวร์ที่สร้างขึ้นสามารถทำงานบนอินเตอร์เน็ทได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้องค์กรธุรกิจมีข้อได้เปรียบเหนือคู่แข่งในการก้าวเข้าสู่ยุค e-business นางเจษฎากล่าวสำหรับ VisualAge for Java เวอร์ชั่น 2.0 เป็นเครื่องมือในการพัฒนาแอพพลิเคชั่นส์ที่ได้รับรางวัลมาแล้วมากมาย และถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยให้ผู้พัฒนาซอฟท์แวร์และองค์กรธุรกิจเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ปรับปรุงระบบการบำรุงรักษาโปรแกรมและการบริหารโครงการต่างๆ รวมทั้งช่วยให้เชื่อมต่อแอพพลิเคชั่นส์ที่ใช้เทคโนโลยีจาวาเข้ากับระบบที่องค์กรใช้อยู่ได้อย่างราบรื่น และ VisualAge for Java เวอร์ชั่น 2.0 เป็นเครื่องมือในการพัฒนาซอฟท์แวร์ที่ใช้เทคโนโลยีจาวาชุดแรกที่สนับสนุนการพัฒนาแอพพลิเคชั่นส์ซึ่งสามารถขยายขีดความสามารถทำงานให้ใช้ได้กับเซิฟเวอร์ต่างๆ ตั้งแต่ Windows NT (Workstation) ไปจนถึง OS/390 (Mainframe) เครื่องเมนเฟรมที่ใหญ่ที่สุด
มร. แรนดี้ โดดา ผู้จัดการฝ่ายขาย ผลิตภัณฑ์ VisualAge for Java ทั่วโลก กล่าวว่า “VisualAge for Java ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้พัฒนาซอฟท์แวร์และองค์กรธุรกิจในการพัฒนาและขยายขีดความสามารถของแอพพลิเคชั่นส์ที่ตนมีอยู่ ให้สามารถทำงานบนอินเตอร์เน็ทได้ ทำให้องค์กรนั้น ๆ ทำงานได้สะดวกและมีประสิทธิภาพสูง ซึ่งจะเสริมสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจเหนือคู่แข่งในการทำธุรกิจออนไลน์และอินเตอร์เน็ทในปัจจุบันและอนาคต”
พร้อมกันนี้ ไอบีเอ็มได้ออก ซานฟรานซิสโก เวอร์ชั่น 1.3 ซึ่งเป็นเครื่องมือสนับสนุนการพัฒนาแอพพลิเคชั่นส์ทางธุรกิจรุ่นใหม่ล่าสุดที่จะช่วยให้ผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่นส์ในประเทศไทยสามารถพัฒนาได้ทันกับความก้าวหน้าในตลาดโลกซึ่งมีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซานฟรานซิสโกให้องค์ประกอบในการพัฒนาแอพลิเคชั่นสำหรับ e-business ครบวงจร โดยเริ่มจากแอพพลิเคชั่นส์ทางการเงิน เช่นโปรแกรมการทำบัญชีลูกหนี้และบัญชีเจ้าหนี้ เป็นต้น โดยมีคุณสมบัติพิเศษคือ ผู้ใช้สามารถเรียกดูบันทึกการทำธุรกรรมที่เป็นเงินสกุลต่างๆ ได้ในคราวเดียวกัน ซึ่งคุณสมบัติดังกล่าวจะสามารถรองรับการประกาศใช้เงินยูโรซึ่งเป็นเงินสกุลใหม่สกุลเดียวในยุโรปในเร็วๆ นี้
นางเจษฎา กล่าวว่า “ซานฟรานซิสโก เวอร์ชั่น 1.3 เป็นเครื่องมือในการพัฒนาโปรแกรมธุรกิจเพื่อรองรับ e-business ชุดแรกของวงการ ที่ได้รับการทดสอบแล้วและสามารถนำมาใช้ซ้ำได้อีก นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการทำงานบนเซิฟเวอร์ต่างๆ ได้แก่ AIX, Windows NT, AS/400, Sun Solaris, HP-UX และแพลทฟอร์ม Siemens Reliant Unix ซึ่งใช้ระบบบริหารฐานข้อมูลของออราเคิล อีกด้วย”
ในปัจจุบัน ผู้ค้าซอฟท์แวร์อิสระทั่วโลกกว่า 5,860 ราย ได้ประเมินผลและพอใจกับโครงการซานฟรานซิสโก ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาเทคโนโลยีจาวาที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ ผู้ค้าและผู้พัฒนาซอฟท์แวร์อิสระทั่วโลกมากกว่า 620 ราย รวมทั้ง 16 รายในประเทศไทย ได้จำหน่ายซานฟรานซิสโกโปรเจ็คท์ให้แก่ลูกค้าทั่วโลกไปแล้ว
นอกจากนี้ ซอฟท์แวร์ใหม่อีกชุดหนึ่งคือเว็บสเฟียร์ ที่ไอบีเอ็มนำออกจำหน่ายในครั้งนี้ เป็นเครื่องมือที่จะช่วยสร้างแอพพลิเคชั่นส์สำหรับทำงานและทำธุรกิจบนอินเตอร์เน็ทได้ครบวงจร เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการและการใช้งานบนอินเตอร์เน็ทที่เพิ่มขึ้น ทั้งในด้านการบริการลูกค้าและการทำธุรกรรมต่างๆ เว็บสเฟียร์ต่างจากซอฟท์แวร์จำนวนมากในท้องตลาดซึ่งผู้ประกอบการต้องนำมาปรับให้เข้ากับความต้องการจำเพาะขององค์กรของตน เพราะไอบีเอ็มได้รวบรวมเอาเทคโนโลยีของเซิฟเวอร์แอพพลิเคชั่นส์ต่างๆ ที่ใช้สร้างโปรแกรมสำหรับการเผยแพร่ข้อมูลผ่านเว็บตลอดจนการทำธุรกิจบนอินเตอร์เน็ททั้งหมดมาไว้ในเว็บสเฟียร์เพียงชุดเดียว
ซอฟท์แวร์ตระกูลเว็บสเฟียร์ ประกอบด้วย เว็บสเฟียร์เซิฟเวอร์, Net.Commerce, TXSeries และ Component Broker ซึ่งรวมซอฟท์แวร์ของไอบีเอ็มที่ครบวงจร ทั้งซอฟท์แวร์สำหรับเว็บเซิฟเวอร์ การทำธุรกิจบนอินเตอร์เน็ท และเทคโนโลยีสำหรับการสร้างแอพพลิเคชั่นส์ต่างๆ
ไอบีเอ็ม เป็นบริษัทเทคโนโลยีสารสนเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยครองความเป็นผู้นำในการช่วยให้ธุรกิจหลากสาขาสร้างนวัตกรรมใหมๆ ตลอดช่วง 80 ปีที่ผ่านมา ส่วนไอบีเอ็มซอฟท์แวร์ เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายโปรแกรมและระบบปฏิบัติการสำหรับนะบคอมพิวเตอร์ทุกชนิด ที่ช่วยให้ลูกค้าสร้างข้อได้เปรียบในยุค e-business ได้อย่างเต็มที่
รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูได้จากเว็บไซต์ของไอบีเอ็มที่โฮมเพจ http://www.ibm.com รายละเอียดเพิ่มเติม : ชูจิตต์ วัฒนล้ำเลิศ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด โทร. 273-4306 e-mail: chujit@th.ibm.com --จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ