กรุงเทพฯ--7 ต.ค.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
เอเชียแปซิฟิกจัดการคาร์บอนได้ดีขึ้นร้อยละ 12 ในปี 2557 เมื่อเทียบกับปี 2556 โดยประเทศไทยทำได้ดีขึ้นร้อยละ 13
ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ผู้นำระดับโลกในธุรกิจขนส่งด่วนระหว่างประเทศ พัฒนาประสิทธิภาพการจัดการคาร์บอนได้ดีขึ้น แม้ปริมาณการขนส่งเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10 ซึ่งในปี 2557 ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรสมีการจัดการคาร์บอนดีขึ้นร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับปี 2556 ในเอเชียแปซิฟิก ที่โดดเด่นคือ ประเทศไทยที่ทำได้ดีขึ้นร้อยละ 13
ปัจจุบัน กลุ่มบริษัท ดอยช์ โพสต์ ดีเอชแอล สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการคาร์บอนได้ถึงร้อยละ 23 เมื่อเทียบกับปี 2550 แสดงให้เห็นการพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารคาร์บอนอย่างต่อเนื่อง และเป็นอีกก้าวที่ยิ่งใหญ่ของกลุ่มบริษัทที่ต้องการบรรลุเป้าหมายการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการคาร์บอนในกระบวนการทำงาน (รวมทั้งผู้รับจ้างขนส่งอีกทอดหนึ่ง) ให้ถึงร้อยละ 30 ภายในปี 2563 เมื่อเทียบกับปี 2551 ดีเอชแอลได้จัดส่งสินค้าด้วยบริการ GOGREEN ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ GoGreen ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการรณรงค์รักษาสิ่งแวดล้อม ปริมาณ 2,120 ล้านชิ้นในปี 2557 ซึ่งชดเชยการปล่อยก๊าซ์คาร์บอนไดออกไซด์ 248,570 ตันที่โครงการปกป้องสภาพแวดล้อมจากมลภาวะให้การสนับสนุน
เจอร์รี่ ชู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีเอชแอล เอ็กซ์เพรส เอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า "โครงการ GoGreen ของเราได้ผนวกเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ เป็นตัวกำหนดแนวทางยุทธศาสตร์ขององค์กรที่มุ่งลดก๊าซคาร์บอนฯ ให้ลดลงร้อยละ 30 ภายในปี 2563 เมื่อเทียบกับปี 2551 บริษัทยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พัฒนาการจัดการคาร์บอนฯ ในเอเชียแปซิฟิกมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหกปีติดต่อกัน ผ่านทางการพัฒนาโซลูชั่นใหม่ ๆ อย่างสม่ำเสมอ โดยอัตราประสิทธิภาพการจัดการคาร์บอนที่ดีขึ้นร้อยละ 12 ในปี 2557 นั้นเป็นผลมาจากแนวคิด GoGreen ของบริษัท เช่น การใช้ฝูงบิน "กรีน" หรือเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในภูมิภาค การติดตั้งระบบไฟส่องสว่างที่ประหยัดพลังงาน และการใช้พลังงานที่หมุนเวียนให้มากที่สุด ทั้งนี้ก็เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการจัดการคาร์บอนสำหรับหน่วยปฏิบัติการภาคพื้นดินให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
"ในฐานะผู้นำด้านลอจิสติกส์ระดับโลก เรากำลังเข้าใกล้เป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯที่ตั้งไว้ เรายังคงมุ่งมั่นกับโครงการ GoGreen และตั้งใจที่จะสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นในโลกและแก่ลูกค้าด้วยการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม" นายชูกล่าวเสริม
สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ดีเอชแอลได้ปรับเครื่องบินให้มีความทันสมัยมากขึ้น โดยใช้เครื่องยนต์เทคโนโลยีสะอาด มีประสิทธิภาพพลังงานสูง และสามารถจัดการคาร์บอนได้ดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปฏิบัติการในจีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น มาเลเซีย และประเทศไทย ในประเทศญี่ปุ่นนั้น ดีเอชแอล เอ็กซ์เพรส ได้นำรถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาให้บริการในเขตมารุโนะอุจิ กรุงโตเกียว ให้บริการรับและส่งพัสดุที่อยู่ภายใต้โครงการ GoGreen เช่นกัน ส่วนในจีน มาเลเซีย ฮ่องกง ไทย และอินเดีย ดีเอชแอลขยายบริการและอัพเกรดรถบรรทุกขนสินค้า รถตู้ รถสกู๊ตเตอร์ ต่าง ๆ โดยหันมาใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้พลังงานทางเลือก และใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น ใช้ก๊าซ CNG/LPG ใช้พลังงานไฮบริด พลังงานไฟฟ้า เป็นต้น
ปี 2014 ถือเป็นปีที่โด่ดเด่นมาก ๆ สำหรับดีเอชแอล เอ็กซ์เพรส ไต้หวัน ที่ได้ทดลองระบบขนส่งมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ (Zero-emission transport system) ด้วยการใช้รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า เติมไฟด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ นวัตกรรมใหม่หนึ่งเดียวในวงการลอจิสติกส์ ไม่เหมือนสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าอื่น ๆ ชาร์จไฟฟ้าธรรมดา ซึ่งยังคงมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ออกมา ส่วนสถานีชาร์จไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ไม่ต้องอาศัยการเชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าหลัก แต่อาศัยไฟฟ้าที่ได้จากแผงโซลาร์ทั้งหมด
ชนัญญารักษ์ เพ็ชร์รัตน์ กรรมการผู้จัดการ ดีเอชแอล เอ็กซ์เพรส ประจำประเทศไทยและภูมิภาคอินโดจีน กล่าวว่า "ที่ดีเอชแอลฯ เราทำงานร่วมกันเพื่อลดผลกระทบที่เกิดกับสิ่งแวดล้อมและยังคงมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมลอจิสติกส์แบบยั่งยืน เราเปลี่ยนแปลงยานพาหนะที่ใช้น้ำมันของเราให้เปลี่ยนไปใช้พลังงานทางเลือก เช่น ก๊าซ CNG ซึ่งช่วยให้เราจัดการก๊าซ์คาร์บอนฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นร้อยละ 21.9 ในส่วนการรับและขนส่งสินค้าเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา นอกจากนั้น พนักงานของเรายังมีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยการลดการใช้กระดาษ ประหยัดไฟและร่วมกิจกรรมปลูกป่าในหลายพื้นที่"
ดีเอชแอล เอ็กซ์เพรส เอเชียแปซิฟิกเริ่มประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นต์จากการใช้พลังงานในการขนส่งรองรับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และการขนส่งทางบก เพื่อวัดค่าและพัฒนาประสิทธิภาพการจัดการคาร์บอนให้ดีขึ้นตลอดช่วงเวลาที่ได้ดำเนินโครงการ ซี่งดีเอชแอล เอ็กซ์เพรสได้เริ่มจัดทำขึ้นมาตั้งแต่ปี 2008 ปัจจุบันได้นำหลักการนี้ไปใช้ครอบคลุมสถานประกอบการ 1,000 แห่งใน 30 ตลาดทั่วทั้งเอเชียแปซิฟิก