กรุงเทพฯ--8 ต.ค.--ทูเดย์ คอมมูนิเคชั่นส์
นายแพทย์ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า วัณโรคเป็นโรคติดต่อสำคัญที่ยังเป็นปัญหาสาธารณสุขไทย องค์การอนามัยโลกยังจัดให้ประเทศไทยอยู่ในกลุ่ม 22 ประเทศ ประเทศที่มีปัญหาวัณโรคสูง และคาดประมาณว่ามีผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ในประเทศไทยถึง 113,900 รายต่อปี และมีการตายด้วยวัณโรคกว่า 10,000 รายต่อปี จากการศึกษาของกรมควบคุมโรคที่ผ่านมา ในโรงพยาบาลทั้งหมด 93 แห่งที่สังกัดกระทรวงสาธารณสุข พบว่ามีสัดส่วนของผู้ป่วยวัณโรคเด็กกับผู้ป่วยวัณโรคทั้งหมด ร้อยละ 3.4 จากข้อมูลดังกล่าววัณโรคในเด็กอาจไม่เป็นปัญหาหรือมีผลกระทบต่อระบาทวิทยาในภาพรวม แต่เมื่อพบวัณโรคในเด็กเกิดขึ้น จะสะท้อนให้เห็นปัญหาวัณโรคของผู้ใหญ่ เพราะเด็กๆ จะได้รับการแพร่เชื้อจากผู้ใหญ่ และเด็กบางคนมีโอกาสแพร่เชื้อวัณโรคให้กับผู้อื่นได้เช่นกัน เช่นเพื่อนๆ ในโรงเรียน เป็นต้น
นายแพทย์ภาณุมาศ กล่าวต่อไปว่า โรงเรียนเป็นสถานที่ที่เด็กอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก เมื่อเจ็บป่วยจะแพร่เชื้อโรคสู่เด็กคนอื่นๆ ได้ง่าย โดยเฉพาะเด็กเล็ก มีภูมิคุ้มกันต่ำกว่า จึงมีโอกาสป่วยได้ง่าย โดยเฉพาะโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ โรคมือ เท้า ปาก เป็นต้น และจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพและพัฒนาการโดยรวมของเด็กๆ ได้ ดังนั้น การดำเนินงานส่งเสริมโดยการสวมหน้ากากอนามัย จะไม่เป็นเพียงแค่การป้องกันควบคุมวัณโรคอย่างเดียว แต่จะรวมถึงการควบคุมป้องกันโรคติดต่อในระบบทางเดินหายใจ หรือโรคที่แพร่กระจายเชื่อจากการไอ จาม น้ำลาย จนไปถึงโรคติดต่ออื่นๆ อีกมากมาย
สำหรับในวันนี้ กรมควบคุมโรค โดยสำนักวัณโรค ได้จัดกิจกรรมรณรงค์เด็กรุ่นใหม่ ใส่ใจป้องกันวัณโรค "ไอเมื่อไร ใส่หน้ากาก" ที่โรงเรียนสิริเบญญาลัย จังหวัดสมุทรปราการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ความรู้เรื่องวัณโรคแก่เด็กนักเรียน รวมถึงบุคลากรในโรงเรียน โดยการส่งเสริมให้เด็กนักเรียนสวมหน้ากากอนามัยเมื่อมีอาการไอ จาม หรือเป็นหวัด เพื่อให้เกิดกระแสการใช้หน้ากากอนามัยป้องกันโรค ไม่ให้แพร่สู่ผู้อื่น สร้างจิตสำนึก ใส่ใจห่วงใยคนรอบข้าง รับผิดชอบต่อสังคม ให้เป็นปกติจนติดเป็นนิสัย เกิดเป็นวัฒนธรรมด้านสุขภาพ เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ในการป้องกันควบคุมโรค โดยขอความร่วมมือจากพ่อแม่ ผู้ปกครองและครูอาจารย์ในโรงเรียน เป็นสื่อหลักให้การปลูกฝังจิตสำนึกในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไปสู่บุคคลอื่นต่อไป อันจะนำไปสู่การลดปัญหาวัณโรค และโรคติดต่ออื่นๆ ในเด็กต่อไป
"ในโอกาสนี้ ขอแนะนำประชาชนให้สังเกตอาการตนเอง ว่าเจ็บป่วยด้วยวัณโรคหรือไม่ โดยอาการจะเริ่มจากไอเรื้อรังนานเกิน 2 สัปดาห์ มีไข้ต่ำๆ ในช่วงบ่าย เบื่ออาหาร น้ำหนักตัวลด บางคนยังทำงานได้ปกติ จึงทำให้เชื้อโรคแพร่ไปสู่คนอื่นได้ หากพบผู้ที่มีอาการดังกล่าว ขอให้รีบพาไปพบแพทย์ในโรงพยาบาลหรือสถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาให้เร็วที่สุด เพราะวัณโรคหากพบเร็ว โอกาสรักษาหายสูงและไม่แพร่กระจายเชื้อ ประชาชนที่มีความสนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักวัณโรค โทร 0-2212-2279 กด 4 หรือ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422" นายแพทย์ภาณุมาศ กล่าวปิดท้าย