กรุงเทพฯ--8 ต.ค.--IR PLUS
ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง ธนพิริยะ หรือ TNP ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง สินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ในเชียงรายและเป็นธุรกิจ ค้าปลีกของคนไทยรายแรกที่ จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai อยู่ระหว่างเดินหน้าตามแผนเสนอขายหุ้นไอพีโอ จำนวน 200 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.25 บาท รับแผนเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง หนุนการเติบโตของรายได้และกำไร พร้อมรับอานิสงส์ในฐานะที่เชียงรายเป็นประตูด่านแรกของการเปิด AEC โดยมี RHB OSK เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และแกนนำการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้
นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ RHB OSK เปิดเผยว่า บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) (TNP)ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรกและ แบบแสดงรายการข้อมูล (แบบไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต. ได้พิจารณานับหนึ่งแบบไฟลิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 6 ต.ค. 2558 ที่ผ่านมา โดย TNP มีแผนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 200 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลัง IPO มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.25 บาท โดยคาดว่าจะเสนอขายหุ้น IPO และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ภายในปี 2558 ทั้งนี้ TNP เป็นผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่รวมอาหารสดภาย ใต้ชื่อ "ธนพิริยะ" โดยรายได้หลักมาจากรายได้จากการขายสินค้าผ่านสาขาและสำนักงานใหญ่ ปัจจุบัน บริษัทฯ มีสาขารวมกันทั้งสิ้น 12 สาขา แบ่งออกเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ต 11 สาขา และศูนย์ค้าส่ง 1 สาขา ซึ่งทุกสาขามีที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงราย รูปแบบของร้านธนพิริยะเป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างการมีสินค้าที่หลากหลาย และมีราคาย่อมเยาแบบโมเดิร์นเทรด แต่มีความสะดวกแบบร้านสะดวกซื้อ ซึ่ง RHB OSK มั่นใจว่า ด้วยประสบการณ์ของ บริษัทฯ ที่มีกว่า 25 ปี ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจร้านค้าปลีกและค้าส่งในจังหวัด เชียงราย ที่มีความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง การคัดเลือกสินค้าที่วางจำหน่ายครอบคลุมกว่า 15,000 รายการ การบริการ และทำเลที่ตั้งร้านค้าเหมาะสม สนับสนุนให้ธนพิริยะเป็นร้านค้าปลีกที่ครองใจผู้บริโภค ในจังหวัดเชียงรายมา โดยตลอด นอกจากนี้ แนวโน้มเศรษฐกิจในเชียงราย คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่ จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกัน เชียงรายเป็นจังหวัดเศรษฐกิจและเป็นประตูสู่ AEC ยิ่งมั่นใจได้ว่า การเดินหน้าขยายสาขาของธนพิริยะในช่วงต่อจากนี้ จะเป็นโอกาสที่สำคัญ และให้ผลตอบแทนที่ดีต่อผู้ถือหุ้นได้อย่างแน่นอน" นายรัฐชัย กล่าว
ขณะที่ นายธวัชชัย พุฒิพิริยะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP กล่าวว่า ถือเป็นความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ ธนพิริยะ ในฐานะร้านค้าปลีกท้องถิ่นรายแรกของคนไทย ที่อยู่ระหว่างเดินหน้าตามแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ และสามารถปรับตัวและแข่งขันในอุตสาหกรรมได้ผลให้ TNP มีผลการดำเนินงานที่ดีและเติบโตอย่างต่อเนื่องมาจน ถึงวันนี้ เพราะด้วยประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญของทีมผู้บริหาร ทำให้บริษัทฯ มีความเข้าใจผู้บริโภคท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี ประกอบกับ กลยุทธ์ทางการตลาดมีความยืดหยุ่น รวดเร็ว ระบบการจัดการภายในที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนความสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยมต่อคู่ค้า จึงมั่นใจว่า หลังจากบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในครั้งนี้ จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการขยายสาขาของธนพิริยะให้รวดเร็วยิ่งขึ้น สอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจในจังหวัดเชียงราย จากปัจจุบันบริษัทฯ มีสาขารวมกันทั้งสิ้น 12 สาขา และครอบคลุมพื้นที่ในจังหวัดเชียงรายเพียง 5 อำเภอเท่านั้น จากทั้งหมด 18 อำเภอ จึงยังเป็นโอกาสในการรุกขยายสาขาให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ที่มีศักยภาพ เพื่อสนับสนุนการเติบโตของบริษัทฯ ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก
ด้านเภสัชกรหญิงอมร พุฒิพิริยะ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP กล่าวว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเงินทุนในการขยายธุรกิจ ชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน ส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยธนพิริยะ มีเป้าหมายที่จะขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในเชียงราย เป็นหลัก เพื่อสร้างฐานลูกค้าและแบรนด์ของ "ธนพิริยะ" ให้แข็งแกร่ง ก่อนที่จะขยายวงกว้างไปสู่อำเภอรอบนอกและจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งจังหวัดเชียงรายเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพและหนึ่ง ใน จุด ยุทธศาสตร์ทางธุรกิจที่สำคัญจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอา เซียน (AEC) ในช่วงต่อจากนี้ ที่จะเป็นส่วนผลักดันการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงรายให้เติบโตมากยิ่งขึ้น รวมถึงแนวโน้มการเติบโตของการค้าตามแนวเขตชายแดน ซึ่งน่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจของเชียงรายเติบโตตามลำดับ
สำหรับผลประกอบการงวดครึ่งปีแรกของปี 2558 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 633.6 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 14.8 ล้านบาท ส่วนปี 2557 มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,201.7 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 45.4 ล้านบาท