กรุงเทพฯ--9 ต.ค.--แบงค์คอก ไรเตอร์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส
ททท. เผยสัญญานบวกหนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ตุลาคมนี้จัดหนักประเพณีวิถีไทยตลอดเดือนตุลาคมต้อนรับฤดูกาลเที่ยวไทย เสนอเส้นทางท่องเที่ยวทางเลือกใหม่ กระจายรายได้สู่ชุมชน ขยายศักยภาพเมืองรอง หนุนวันธรรมดาน่าเที่ยว พร้อมกิจกรรมชวนปั่นลุ่มน้ำโขงเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวรับเออีซี คาดโค้งสุดท้ายทะลุเป้าหมายอย่างแน่นอน
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เดือนตุลาคม สถานการณ์การท่องเที่ยวของไทยคึกคักมากขึ้นเมื่อเข้าสู่ไตรมาสสุดท้ายของปี โดยมีปัจจัยบวกต่างๆ เข้ามาเป็นตัวกระตุ้นการท่องเที่ยว ทั้งจากชาวไทยและต่างชาติ ดังนั้นจึงมีความเชื่อมั่นในช่วง 3 เดือนสุดท้ายปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเมืองไทยไม่ต่ำกว่า 7 ล้านคน ตามเป้าหมายที่วางไว้ ขณะที่นักท่องเที่ยวภายในประเทศจะเป็นอีกส่วนสำคัญในการกระตุ้นการตลาด จากเทศกาลงานประเพณี การท่องเที่ยวตามฤดูกาล ปิดภาคการศึกษา รวมทั้งการเปิดตัวแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เพื่อเสนอทางเลือกใหม่ในการท่องเที่ยวให้กับคนไทย กระจายรายได้สู่ชุมชนในวงกว้างมากยิ่งขึ้น
เป็นการเปิดฤดูท่องเที่ยวช่วงท้ายปี ต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยงานบุญงานประเพณีที่เสริมคุณค่าทางจิตใจ พร้อมด้วยความสดชื่นของธรรมชาติในช่วงปลายฝน และยังสามารถเชื่อมโยงเส้นทางด้านการท่องเที่ยวสู่ชุมชนในวงกว้าง ไม่กระจุกตัวอยู่ในที่ใดที่หนึ่ง เพื่อสร้างเศรษฐกิจท่องเที่ยวที่ยั่งยืนของเมืองไทย รองรับเป้าหมายใหญ่ทางด้านการท่องเที่ยวในอีก 3 ปีข้างหน้า ที่รายได้ 3 ล้านล้านบาท กับนักท่องเที่ยว 50 ล้านคนในปี 2561
"ในเดือน ตุลาคม ททท. จะเปิดตัวแคมเปญหลักเพื่อกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศตั้งแต่ปลายปีนี้ ไปจนถึงปีหน้า ด้วยการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวทางเลือกใหม่ที่มีศักยภาพในเมืองไทยผ่านโครงการ เมืองต้องห้ามพลาด พลัส โครงการเขาเล่าว่า โครงการ Outdoor Fest การท่องเที่ยวกิจกรรมกลางแจ้ง อาทิ การท่องเที่ยวเชิงผจญภัย"นายยุทธศักดิ์กล่าว
สำหรับเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นเดือน 10 ตามปฏิทินจันทรคติไทย มีเทศกาลงานประเพณีในช่วงวันสารทไทย ซึ่งตรงกับวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 เกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศไทย ส่งผลให้เกิดกระแสการเดินทางกลับภูมิลำเนาและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเป็นจำนวนมากในช่วงเวลานี้ อีกทั้งในช่วงเดือนตุลาคม ถือเป็นเดือนแห่งการเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวทางธรรมชาติทางป่าไม้ในหลายพื้นที่ นอกจากนั้นเดือนตุลาคมยังถือเป็นเดือนที่เข้าสู่ฤดูการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่น จึงถือเป็นเดือนที่มีปัจจัยบวกในการสนับสนุนการท่องเที่ยวไทยในหลายๆด้าน
โดยมีประเพณีที่น่าสนใจในเมืองไทย เริ่มตั้งแต่เทศกาลงานบุญที่สำคัญของชาวภาคใต้ อย่าง "งานประเพณีบุญสารทเดือนสิบ และงานกาชาดจังหวัดนครศรีธรรมราช" ระหว่างวันที่ 6-16 ตุลาคม 2558 ณ สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ 84 ทุ่งท่าลาด อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช "เทศกาลกินเจ"เป็นประเพณีที่ได้รับความสนใจจากชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางเข้ามาในช่วงเทศกาลเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีกำหนดการจัดงานในหลายพื้นที่ อาทิ เทศกาลงานเจเยาวราช 12-21 ตุลาคม 2558 บริเวณซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนเยาวราช ซึ่งคาดภายในงานจะมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามานับแสนราย สร้างเงินสะพัด 50 ล้านบาท, เทศกาลกินเจในจังหวัดกระบี่ วันที่ 13-21 ตุลาคม 2558 จะช่วยต่อยอดสร้างเงินสะพัดในพื้นที่ท่องเที่ยวราว 100 ล้านบาท
นอกจากนั้นยังมีเทศกาลกินเจเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศไทย อาทิ "ประเพณีถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ต" 13-21 ตุลาคม 2558 ณ ศาลเจ้าในจังหวัดภูเก็ต ,"ประเพณีถือศีลกินผัก" จังหวัดตรัง ขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 ตุลาคม 2558 หน้าสำนักงานเทศบาลนครตรัง , เทศกาลกินเจหาดใหญ่ ใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 13 ตุลาคม - 21 ตุลาคม 2558 ณ ,ประเพณีไหว้เจ้า 9 ศาล เทศกาลกินเจสมุทรสาคร 13 - 21 ตุลาคม 2558 ณ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร เป็นต้น
นอกจากนี้ในช่วงเดือนตุลาคม ยังมีกิจกรรมการท่องเที่ยวงานประเพณีที่เกี่ยวข้องกับสายน้ำในหลายพื้นที่ อาทิ "ประเพณีแห่พระแข่งเรือขึ้นโขนชิงธง" จังหวัดชุมพร ณ ด่านประชากร แม่น้ำหลังสวน อำเภอหลังสวน 1-31 ตุลาคม 2558, "ประเพณีอุ้มพระดำน้ำ และเทศกาลอาหารอร่อยจังหวัดเพชรบูรณ์" วันที่ 11-15 ตุลาคม 2558 ณ วัดไตรภูมิ วัดโบสถ์ชนะมาร และพุทธอุทยานเพชรบุระ, "ประเพณีไหลเรือไฟและงานกาชาดจังหวัดนครพนม" วันที่ 20-28 ตุลาคม 2558 ณ เลียบริมฝั่งแม่น้ำโขง ถนนสุนทรวิจิตร และศาลากลางจังหวัดนครพนม, "ประเพณีชักพระ-ทอดผ้าป่าและแข่งขันเรือยาว" วันที่ 24 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน 2558 ณ ริมเขื่อนแม่น้ำตาปีและ สนามข้างโรงแรมวังใต้ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เป็นต้น
นายนภดล ภาคพรต ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรม ททท.กล่าวว่า ในวันที่ 23 ตุลาคม-1 พฤศจิกายน 2558 ททท. ได้กำหนดจัดงาน "มหกรรมแข่งจักรยานทางไกล ประเทศไทย ตอน นักปั่นลุ่มน้ำโขง" เพื่อประชาสัมพันธ์เส้นทางการท่องเที่ยวลุ่มน้ำโขงของภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย รวมทั้งการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับนักท่องเที่ยวในการใช้จักรยานเป็นพาหนะ โดยเส้นทางเลียบแม่น้ำโขงใน 4 จังหวัด ระยะทางรวมประมาณ 248 กิโลเมตร โดยการแข่งขันจะเริ่มจากจังหวัดหนองคาย-บึงกาฬ-นครพนม-มุกดาหาร" ซึ่งมีธรรมชาติที่สวยงาม วิถีชุมชนในพื้นที่ที่ยังคงขนมธรรมเนียมประเพณีอันเก่าแก่แบบฉบับวิถีไทย อันเป็นนโยบายหลักของการนำเสนอท่องเที่ยวไทยตามนโยบายรัฐบาล ทั้งนี้คาดว่า กิจกรรมนี้จะเป็นการตอกย้ำความพร้อมของการท่องเที่ยวเพื่อต้อนรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ปลายปีนี้ โดยงานนี้จะมีนักปั่นทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้าร่วมงาน พร้อมนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ เพราะนอกจากกิจกรรมการแข่งขันแล้ว ยังมีการออกร้าน การออกบูธของร้านค้าจักรยาน ร้านอาหารพื้นเมือง และร้านค้าต่างๆ รวมทั้งการแสดงทางวัฒนธรรม ของแต่ละจังหวัด นักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถดูรายละเอียดได้ที่www.ridetokhonglegendary.com
ทั้งนี้การท่องเที่ยวงานเทศกาลประเพณีตลอดเดือนตุลาคมนี้ รวมถึงการเปิดตัวแคมเปญต่างๆ เพื่อขยายพื้นที่ทางเลือกด้านการท่องเที่ยว จะเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นการท่องเที่ยวในไตรมาสสุดท้าย และเชื่อมโยงสู่แหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่ ททท. ต้องการนำเสนอ โดยนักท่องเที่ยวสามารถเชื่อมโยงการท่องเที่ยวจากงานประเพณีสู่แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆได้ เช่น จังหวัดนครศรีธรรมราช สามารถเดินทางท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมและธรรมชาติที่น่าสนใจในจังหวัด และเชื่อมโยงไปยังพัทลุงซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกัน หรือจังหวัดตรัง ซึ่งได้ชื่อว่ายุทธจักรแห่งความอร่อย ในโครงการเมืองต้องห้ามพลาด ยังสามารถเชื่อมโยงสู่จังหวัดสตูล เป็นต้น
ด้านแผนงานกระตุ้นรายได้ของภาคการเกษตรตามนโยบายรัฐบาล ททท. ได้จัดทำแผนงานเร่งด่วนในการนำภาคการท่องเที่ยวเข้าไปช่วยชุมชนให้มีรายได้เพิ่มเติมนอกเหนือจากภาคการเกษตร ด้วยการลงทุนนำร่องก่อสร้างร้านโครงสร้างเบาทั่วประเทศในสถานีน้ำมัน ปตท.เบื้องต้น 148 แห่ง โดยเปิดพื้นที่ให้แต่ละชุมชนท่องเที่ยวในบริเวณใกล้เคียงสถานีบริการน้ำมัน นำสินค้าเด่นประจำชุมชนมาวางจำหน่าย คาดว่าจะเป็นช่องทางหารายได้ให้เกษตรกรในพื้นที่เพิ่มอีกประมาณ20-30% และเป็นการรองรับสถานการณ์ภัยแล้งที่จะส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตรในปีหน้าโดยขณะนี้คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจได้มอบนโยบายผ่านทางสำนักงบประมาณเพื่อสนับสนุนงบประมาณในการจัดทำร้านดังกล่าว วงเงินลงทุนแห่งละ 1 ล้านบาท โดย ททท.ได้เสนอ ครม.เศรษฐกิจ ถึงการเลือกทำเลที่ตั้งอันเหมาะสมซึ่งอยู่ในรัศมีใกล้แหล่งท่องเที่ยวจำนวน 148 แห่ง คาดว่าจะเปิดสาขาแรกได้ในปลายเดือนตุลาคมนี้