กรุงเทพฯ--12 ต.ค.--Index Creative Village
อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ เผยภาพรวมของธุรกิจอีเว้นท์ในช่วงโค้งสุดท้าย ปี 2558 ไม่หวือหวา คาดโต 5% นักการตลาดส่งแคมเปญ กระตุ้นยอดขายในช่วงปลายปี ส่วนอินเด็กซ์ฯฉลุยหลังจัดทัพใหม่ ขยายสู่บีทูซี (Business to Consumers) เชื่อยอดขายโต 15% จากปีที่แล้ว ดันธุรกิจครีเอทีฟคอนเท็นต์ โพรวายเดอร์ ป้อนโทรทัศน์ไทยและอาเซียน
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) บริษัทอีเว้นท์อันดับ 7 ของโลก 3 ปีซ้อน รับรองจากสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า "ถ้าเปรียบเทียบในช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่แล้ว แน่นอนต้องบอกว่าดีขึ้นกว่าเดิมมาก แต่ก็ไม่ได้หวือหวามากนัก อีเว้นท์เป็นตลาดที่เซ็นซิทีฟ (Sensitive) มาก ปีนี้นับว่าอีเว้นท์ในภาพรวมฟื้นตัวดี ด้วยอานิสงส์ของการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ ในหลายประเภทที่ภาคเอกชน ทุ่มงบประมาณ ในการจัดงานมากขึ้น เพื่อต้องการสร้างอิมแพคให้กับสินค้า ทั้งในส่วนของอุตสาหกรรมรถยนต์ และธุรกิจด้านการสื่อสาร แต่ในส่วนของสินค้าอุปโภคบริโภค อาจใช้เงินด้านการตลาดไปทำโปรโมชั่น พวก ลด แลก แจก แถมมากกว่า โดยเฉพาะในช่วงปลายปี เพื่อต้องการกระตุ้นยอดขาย เนื่องจากกำลังในการซื้อลดลง คนระมัดระวังในการใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากนั้น ภาพรวมของตลาด ถึงแม้ทั้งนักการตลาด และผู้บริโภคจะระมัดระวัง ในเรื่องของการใช้เงินงบประมาณต่างๆ แต่เชื่อว่าธุรกิจอีเว้นท์น่าจะกลับมาคึกคักในแง่ของการแข่งขันในเรื่องของไอเดียมากขึ้น ทั้งนี้ ตั้งแต่เมื่อปี 2013 อินเด็กซ์ฯ ได้ให้คำจำกัดความของตลาดอีเว้นท์ว่าจะเข้าสู่โลกของ Hybrid Event ซึ่งตอนนี้ เป็นคำที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย และหลายๆ คนกำลังปรับตัวเข้าสู่ยุคดังกล่าว กล่าวคือ มีการผสมผสาน และเชื่อมโยงของความเป็นอนาล็อก และดิจิตอลเข้าด้วยกัน และต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งนักการตลาดต้องมีการวางแผนและปรับตัว เพื่ออยู่รอด ในส่วนของภาพรวมตลาดอีเว้นท์น่าจะโตขึ้นประมาณ 5% โดยมีมูลค่าประมาณ 12,300 ล้านบาท"
"ในส่วนของอินเด็กซ์ฯ ในช่วงไตรมาสสุดท้าย ต้องบอกว่าเป็นช่วงไฮซีซั่น (Hi-season) ของธุรกิจอีเว้นท์ เนื่องจากปลายปีมักจะมีงานใหม่ๆ งานด้านเอ็นเตอร์เทนเมนต์ที่มากระจุกตัวช่วงปลายปี เพราะเป็นช่วงที่มีเทศกาลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ฮาโลวีน คริสต์มาส ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ซึ่งทางอินเด็กซ์ฯ เองก็ได้จัดงานเคาท์ดาวน์เป็นประจำทุกปี ทั้งด้านหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ และกระจายไปยังหัวเมืองใหญ่ๆ อาทิ เชียงใหม่ อุดรธานี หาดใหญ่ และอีกหลายจังหวัด เป็นต้น และคงต้องรอดูสำหรับแลนด์มาร์คใหม่ๆ อาทิ ตามห้าง คอมมูนิตี้ใหม่ รวมถึงกิจกรรมกระตุ้นยอดขายในช่วงสิ้นปี"
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้นำในธุรกิจด้านการสื่อสารอย่างครบวงจรในอาเซียน กล่าวเพิ่มเติมว่า "จากทางอินเด็กซ์ฯ ได้มีการจัดทัพปรับแผนกลยุทธ์เมื่อกลางปีที่ผ่านมา หลังรีเฟรช (Refresh) องค์กร ปรับธุรกิจเป็น 4 กลุ่มหลัก 1. ครีเอทีฟ โซลูชั่น (Creative Solutions) 2. มาร์เก็ตติ้ง เซอร์วิส (Marketing Services) 3. ธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Wings) และ 4. ไลฟ์สไตล์ เอ็กซ์พีเรี่ยน (Lifestyle Experience) รวมถึงการขยายฐานตลาดเมืองไทย จากกลุ่มลูกค้าภาคธุรกิจ (Business to Business) สู่การขยายตลาดสู่ผู้บริโภคทั่วไป (Business to Consumers) ในส่วนของธุรกิจต่างๆ มีแนวโน้มที่ดีเมื่อเปรียบเทียบในช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ในส่วนของธุรกิจอื่นๆ ที่มีความโดดเด่น ด้วยความพร้อม และศักยภาพของ 'วิลเลจ เทเลวิชั่น' การเป็นครีเอทีฟ คอนเท็นต์ โพรวายเดอร์ ทั้งการนำเสนอ ผลิตรายการโทรทัศน์ในคอนเซ็ปต์ที่แตกต่าง รวมถึงอุปกรณ์ เครื่องมือที่ครบครัน จึงได้รับความไว้วางใจให้ผลิตรายการโทรทัศน์ที่มีเนื้อหาหลากหลายป้อนให้กับทั้งช่องทีวีดิจิทัลในเมืองไทย และต่างประเทศ ล่าสุดกับรายการ The Dog Partner ช่อง 9 MCOT HD ที่อินเด็กซ์ฯ เป็นเจ้าของคอนเท็นต์เอง และดำเนินการผลิตเอง รวมถึงรายการที่อินเด็กซ์ฯ สร้างรูปแบบ (Format) รายการ จนได้รับการยอมรับทั้งในเมียนมาร์ และเวียดนาม อย่าง รายการ 'Wai Hin Na-Ta-Mee' (Sky Angel) เรียลลิตี้ ค้นหาแอร์โฮสเตสสาวสวย และมากความสามารถ ให้กับสายการบินนกแอร์ โดยออกอากาศทางช่อง MRTV4 ช่องยอดนิยมที่สุดในเมียนมาร์ จากความสำเร็จในซีซั่นแรกที่กลายเป็นรายการที่มีเรตติ้งสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของเมียนมาร์ เช่นเดียวกันกับ รายการ Sky Angel ในเวียดนาม ทางช่อง Let's Viet ซึ่งต้องบอกว่าเป็นโมเดลธุรกิจใหม่ๆ กำลังเติบโต"
"ทั้งนี้ การเติบโตของอินเด็กซ์ฯ ยังคงให้น้ำหนักกับธุรกิจครีเอทีฟ โซลูชั่น 55% โดยประมาณ และอีก 3 ธุรกิจ ได้แก่ มาร์เก็ตติ้ง เซอร์วิส (Marketing Services) ธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Wings) และ ไลฟ์สไตล์ เอ็กซ์พีเรี่ยน (Lifestyle Experience) รวมกันเป็น 45% ของรายได้ทั้งหมด โดยคาดการณ์รายได้รวมในปีนี้ตามเป้า 1,700 ล้านบาท เติบโตจากปี 2557 ประมาณ 10-15% นอกจากนั้น อินเด็กซ์ฯ ยังคงมองหาโอกาสของการขยายฐานธุรกิจไปยังกลุ่มบริการที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น เนื่องจากได้สร้างรากฐานที่มั่นคงพร้อมเครือข่ายที่เข้มแข็งยังประเทศเพื่อนบ้านไว้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่จะสามารถเชื่อมโยงทุกธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนเข้าด้วยกัน" ผู้นำในธุรกิจด้านการสื่อสารอย่างครบวงจรในอาเซียน กล่าวทิ้งท้าย