กรุงเทพฯ--12 ต.ค.--เอ-ไทม์ มีเดีย
ปิดฉากไปอย่างสวยงามกับคอนเสิร์ตเพลงลูกกรุงที่ทุกคนรอคอย "กล่อมกรุง๒" ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ สยามพารากอน เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่เรียกได้ว่าความอบอุ่นเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่คอนเสิร์ตยังไม่เริ่มกับบรรยากาศบริเวณหน้าฮอลล์ที่ผู้ชมต่างมากันเป็นครอบครัว บ้างก็จูงมือคุณพ่อคุณแม่มาดูตามคอนเซ็ปงาน "คอนเสิร์ตที่ลูกทุกคนต้องพาพ่อแม่มาดู" บ้างก็พกลูกหลานมาดูเอง เป็นภาพที่น่าประทับใจเกินบรรยาย และนอกเหนือจากการเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมอนุรักษ์เพลงลูกกรุงไม่ให้สูญหายไปแล้ว ทุกๆคนยังมีโอกาสได้ร่วมทำบุญพร้อมกับศิลปินทั้ง ๘ ท่าน เพราะรายได้ส่วนหนึ่งได้มอบให้กับ หน่วยแพทย์จักษุศัลยกรรมสภากาชาดไทย ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อนำไปรักษาผู้สูงอายุที่มีปัญหาสุขภาพทางตา ที่อยู่ยังถิ่นทุรกันดารต่างๆอีกด้วย
เริ่มต้นความสุขในช่วงแรกด้วยการเปิดตัวศิลปินชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นบนเวทีลูกกรุงที่ไหน ถ้าไม่ใช่บนเวที เอ-ไทม์ โชว์บิส แสงระยิบระยับจากไฟที่กระทบกับคริสตัลที่ถูกจัดวางประดับอย่างดีบนเวที อีกทั้งดนตรีและเสื้อผ้าหน้าผมจัดเต็มของศิลปินทั้ง ๘ ท่าน พร้อมเปิดชั่วโมงแห่งความสุขด้วยการรวมตัวกันครั้งแรกของ ๔ ศิลปินชาย สุเทพ-ธานินทร์-เศรษฐา-ชรินทร์ ในเพลงมีจังหวะอย่าง เจอะคุณเข้าอีกแล้ว ต่อเนื่องด้วย ๔ ศิลปินหญิง สวลี-รุ่งฤดี-ศรีไศล-อรวี ร่วมร้องด้วยกันครั้งแรกเช่นกันในเพลง รักไม่รู้ดับ ก่อนพิธีกรบนเวที อั๋น ภูวนาท คุณผลิน จะเปิดเวทีอย่างเป็นทางการต้อนรับผู้ชมทุกคนเข้าสู่บรรยากาศของคอนเสิร์ตเพลง ลูกกรุงแห่งปีอย่างเต็มรูปแบบ เตรียมความพร้อมให้ผู้ชมเข้าสู่โชว์เดี่ยวของศิลปินคนแรก สวลี ผกพันธุ์ ที่คัดเอาบทเพลงดังประจำตัวอย่าง ฆ่าฉันให้ตายดีกว่า, ดวงใจ, รักเอ๋ยรักข้า มาขับกล่อมให้แฟนๆเคลิ้มไปตามๆกัน พร้อมเสิร์ฟความหวานกันต่อโดยเชิญ สุเทพ วงศ์กำแหง คู่ขวัญแห่งวงการเพลงลูกกรุงที่ถูกจับคู่กันมากว่าค่อนชีวิตของกันและกัน ออกมาเติมความหวานกับเพลงคู่น่ารักๆ "พ่อแง่แม่งอน, แต่ปางก่อน" ร้องไปหยอกล้อกันไป น่ารักน่าชังตามแบบฉบับคู่ขวัญ สุเทพ-สวลี จริงๆ ก่อนทิ้งให้ สุเทพ ฉายเดี่ยวในเพลง คุณจะงอนมากไปแล้ว, พรุ่งนี้ฉันจะรักเธอจนตาย, ไม่มีวัน มาถึงอีกคู่ที่อยู่ในวงการเพลงลูกกรุงมายาวนานถึง ๕๐ ปีอย่าง ธานินทร์- รุ่งฤดี ที่ครั้งนี้เลือกเพลง "วอนรัก" มาเอาใจแฟนๆกันเต็มที่ และแน่นนอนว่า ทั้ง ๒ ท่านก็ยังจัดเต็มเพลงเดี่ยวมาให้ฟังกันแบบจุใจ ไม่ว่าจะเป็นเพลง "เอาความขมขื่นไปทิ้งแม่โขง, สามหัวใจ, คนหน้าเดิม" จากเสียงหวานๆของ รุ่งฤดี แพ่งผ่องใส และเพลง "แจกันรัก, รักเอย, น้ำตาร่วงหลังพวงมาลัย, ทำบุญด้วยอะไร" จากผู้ชายที่มีคารมเป็นต่ออย่าง ธานินทร์ อินทรเทพ มาถึงคิวเพื่อนรักที่ทาง เอ-ไทม์ โชวบิส จัดให้เป็นพิเศษสำหรับแฟนเพลงลูกกรุงกับสามทหารเสือ สุเทพ-ธานินทร์-ชรินทร์ ในเพลง ลุ่มเจ้าพระยา เป็นการรวมตัวกันของศิลปินชายระดับตำนานที่เรียกได้ว่าสมัยหนุ่มๆมีเสน่ห์ดึงดูดสาวๆกันไม่เบาเลยทีเดียว ต่อเนื่องด้วย เศรษฐา ที่ควงคู่มากับ ศรีไศล หยิบเอาเพลง "เป็นไปไม่ได้" มาขับกล่อมให้คนในฮอลล์อินไปกับน้ำเสียงนุ่มๆ แล้วมาฟินกันต่อกับเมดเลย์ของ เศรษฐา ศิระฉายา ไม่ว่าจะเป็นเพลง ทะเลไม่เคยหลับ, ชั่วนิจนิรันดร, ขาดเธอขาดใจ, ชื่นรัก, รักกันหนอก่อนส่งเวทีต่อให้ ศรีไศล สุชาตวุฒิ ที่ไม่ยอมน้อยหน้าขนเพลงดังมาครบถ้วนเช่นกัน อาทิ รักข้ามขอบฟ้า, จงรัก, ไม่เคยรักใครเท่าเธอ, คนเดียวในดวงใจ มาถึงคราวของศิลปินคู่ขวัญคู่สุดท้าย ชรินทร์ นันทนาคร และ อรวี สัจจานนท์ ที่แม้จะต่างกันด้วยวัย แต่น้ำเสียงของทั้ง ๒ ท่านนั้นผสมผสานกันได้อย่างลงตัว และถึงแม้ว่าคู่นี้จะเป็นน้องใหม่ของเวทีกล่อมกรุงแต่ก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง จัดเต็มทั้งเพลงเดี่ยวเพลงคู่ ไม่ว่าจะเป็น "สักขีแม่ปิง, สัญญารัก, หยาดน้ำฝนหยดน้ำตา, ม่านไทรย้อย, เรือนแพ, หยาดเพชร" ก่อนปิดฉากความสุขตลอด ๓ ชั่วโมงเต็มด้วยโชว์พิเศษจากศิลปินทั้ง ๘ ท่าน ในเพลง "รักฉันนานๆ" เชื่อว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งภาพประทับใจของคนที่ได้มาดูคอนเสิร์ตในครั้งนี้ และนับว่าเป็นอีกภาพประวัติศาสตร์ของวงการเพลงลูกกรุงประเทศไทย