กรุงเทพฯ--14 ต.ค.--พีอาร์ บูม
โซลฯ จับมือพันธมิตรใหม่เปิดกลยุทธ์ออมนิแชนเนลมาร์เก็ตติ้งบุกตลาดออนไลน์ปรับโฉมธุรกิจขายตรงทุ่มงบ 50 ล.พัฒนาระบบ "โซลวันทัช" เน้นซื้อสินค้าได้ทุกที่
บริษัท โซล คอร์ปอเรชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จับมือพันธมิตรที่เชี่ยวชาญการตลาดออไลน์ ปรับกลยุทธ์เปลี่ยนโฉมหน้าขายตรงแบบเดิมๆ เดินหน้ามุ่งสู่การเติบโตในยุคดิจิตอลกระชากยอดขายด้วยแนวคิดการตลาดแบบ "ออมนิแชนแนล" พร้อมแนะนำระบบ "โซล วัน ทัช สาขาในมือคุณ" (SOL One Touch)เพิ่มจุดแกร่ง SOL Care Call Center เน้นรับสั่งซื้อ ปรึกษา ติ ชมเร่งผลักดัน M-Commerce ผ่านโซลโมบายแอพพลิเคชั่น และ E-Commerce ผ่านโซลช็อปปิ้งออนไลน์เข้าด้วยกัน เพื่อให้ลูกค้าซื้อสินค้าได้ทุกที่และทำทุกเวลาไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน
นางเพ็ญทิพย์ โปษยานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โซล คอร์ปอเรชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า จากข้อมูลการใช้สมาร์ทโฟนและตัวเลขผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียต่างๆ ที่รายงานโดยเดอะนีลเส็น คอมปะนี (ประเทศไทย)ในปี 2557 ที่ผ่านมา ซึ่งระบุว่าสถิติการซื้อสินค้าออนไลน์ได้เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว คือ จาก 11% ปี 2556 เป็น 23% ในปี 2557 เป็นข้อมูลที่ยืนยันการเติบโตของโลกดิจิตอลในประเทศเทศไทยที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมแบบใหม่ของผู้บริโภค คือ ไลฟ์สไตล์แห่งการเชื่อมต่อบนโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อสื่อสาร พูดคุย หาข้อมูล ซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ซึ่งเป็นโลกที่ไร้พรมแดน (borderless) อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน หรือเวลาใด ก็สามารถเชื่อมต่อกันอย่างลื่นไหลตลอดเวลา
บริษัทฯ เล็งเห็นความสำคัญของการก้าวนำเทรนด์ และตอบรับทุกๆ ความต้องการของสมาชิกและผู้ที่ชื่นชอบในสินค้าโซลฯ จึงวางกลยุทธ์การขยายช่องทางการขายแบบออมนิแชนแนล (Omni-Channel Marketing) ที่ผสานจุดแข็งของทุกช่องทางการขายเข้าด้วยกัน ทั้ง SOL Care Call Center 02-823 8899 คอลเซนเตอร์ที่รับสั่งซื้อ ปรึกษา ติ ชมและ M-Commerce ผ่านโซลโมบายแอพพลิเคชั่น รวมทั้ง E-Commerce ผ่าน โซลช็อปปิ้งออนไลน์ภายใต้คอนเซ็ป "โซล วัน ทัช สาขาในมือคุณ" (SOL One Touch) นับเป็นการเปลี่ยนแปลงโฉมรูปแบบธุรกิจขายตรงแบบเดิมๆ ที่สมาชิกต้องตามหาหน้าร้านเพื่อซื้อสินค้า หรือนัดลูกค้าตามสาขาเท่านั้น เพราะสิ่งสำคัญสูงสุดในการทำธุรกิจ คือความง่ายและสะดวกสบายของลูกค้า เราจึงลงทุนในการสร้างช่องทางการขายที่หลากหลาย ให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้ทุกที่ ทุกเวลา ในช่องทางที่สะดวกที่สุดสำหรับแต่ละบุคคล
โดยในไตรมาส 1–3 ของปี 2558 ทางบริษัทฯได้ทุ่มงบประมาณลงทุนกว่า 50 ล้านบาท ในการพัฒนาช่องทางการขายต่างๆ ภายใต้โครงการนี้ รวมถึงการเปิดตัว SOL Gallery ซึ่งเป็น Flagship Store ที่ W District กรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้ของนักธุรกิจที่ต้องการพัฒนาศักยภาพของตัวเองอย่างต่อเนื่อง โดยคาดหวังว่าช่องทางการซื้อสินค้าที่หลากหลาย จะขยายตลาดในกลุ่มของผู้บริโภค (user) ให้กว้างขึ้น พร้อมการเติบโตขององค์กรนักธุรกิจที่สามารถดูแลผู้บริโภคระดับ User ได้โดยสะดวก ซึ่งคาดว่าจะสร้างยอดขายให้เติบโตอย่างต่อเนื่องได้ถึงปีละ 10%
นางเพ็ญทิพย์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่าเพื่อยกระดับการบริการสู่ความเป็นมืออาชีพ ทางบริษัทฯ จึงได้มีการเชิญพันธมิตรทางธุรกิจผู้มีความเชี่ยวชาญในสายงานต่างๆ มาร่วมดำเนินการวางแผนพัฒนาและปรับปรุงระบบต่างๆให้กับ โซลฯ กล่าวคือ บริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด มาสร้างระบบ M-Commerce และ E-Commerce คือโซลโมบายแอพพลิเคชั่น และระบบโซลช็อปปิ้งออนไลน์ บริษัท อมิตีคอนซัลติง จำกัด มาวางกลยุทธ์การสื่อสารทางตรง (one-on-one marketing) และ บริษัท ทรี-อาร์ดี จำกัด มาเป็นผู้ปฎิบัติการณ์ด้านระบบคอลเซ็นเตอร์ SOL Care 02-8238899 พร้อมวางระบบการสื่อสารผ่านออนไลน์ เน็ตเวิร์ค มาร์เก็ตติ้งซึ่งเชื่อมโยงการยกระดับบริการทางโทรศัพท์เข้ากับการสื่อสารและเก็บข้อมูลต่างๆผ่านทางโซเชียลมีเดียอีกด้วยนับเป็นนวัตกรรมด้านการขายที่ทางบริษัทฯมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากนี้แล้ว SOL ยังพร้อมก้าวสู่ยุคใหม่ด้วยการปรับแผนกลยุทธ์การตลาดให้เป็นเชิงรุก โดยเน้นการทำการสื่อสารผ่านทางสื่อต่างๆ ให้มากขึ้น เน้นการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์และสร้างความเข้าใจในตัวสินค้าไลน์ต่างๆ พร้อมจัดแคมเปญการตลาดในวงกว้างเพื่อกระตุ้นให้เกิดความต้องการใช้สินค้า เพื่อช่วยให้สมาชิก โซลฯทุกท่านสามารถทำธุรกิจได้สะดวกขึ้น
"เชื่อว่านอกจากสินค้าที่ดี คุณภาพสูง และความสามารถในการสร้างผลลัพธ์ที่แตกต่างของผู้ใช้สินค้า เป็นอีกหนึ่งหัวใจความสำเร็จในโลกของธุรกิจเครือข่าย คือความเข้าใจความต้องการของสมาชิกและผู้บริโภค ทางบริษัทฯจึงให้ความสำคัญกับการลงทุนเพื่อให้เกิดความสะดวกสูงสุดในการทำธุรกิจ พร้อมพาสมาชิกครอบครัวโซลฯทุกท่าน ให้ก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมกันอย่างมั่นใจ" นางเพ็ญทิพย์กล่าว