กรุงเทพฯ--16 ต.ค.--บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์:
มร.โรเบิร์ต ก็อดวิน รองประธานฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร และ นางสาววารุณี กิจเจริญพูลสิน ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวแคมเปญประจำไตรมาสสุดท้าย ช่วยลดค่าครองชีพประชาชน ลดราคาสินค้ากว่า 5,000 รายการ ถูกลงกว่าปีที่แล้ว โดยเป็นส่วนหนึ่งของงบการตลาด 9 พันล้านบาทตลอดปี 2558
บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ผู้นำด้านราคาพร้อมตำแหน่งห้างค้าปลีกในใจชุมชน เผยความเคลื่อนไหวในไตรมาสสุดท้ายประจำปี 2558 เปิดตัวแคมเปญการตลาดเพื่อช่วยลดค่าครองชีพประชาชน โดยขนสินค้ามากกว่า 5,000 รายการมาลดราคาถูกกว่าปีที่แล้ว กระตุ้นเศรษฐกิจสนองภาครัฐ สร้างความคึกคักให้กับอุตสาหกรรมค้าปลีกและตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านราคาในหมู่ผู้บริโภค พร้อมเผยทิศทางการตลาดในปี 2559 โดยมุ่งเน้นราคา เทศกาลสำคัญของคนไทยและการใช้โซเชียลมีเดีย
มร. โรเบิร์ต ก็อดวิน รองประธานฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าว ณ งานแถลงข่าว "บิ๊กซีปลุกรีเทลไตรมาสสุดท้าย หั่นค่าครองชีพ กระตุ้นเศรษฐกิจสนองนโยบายรัฐ" ที่บิ๊กซี ราชดำริ วันนี้ว่า "ในฐานะผู้นำด้านราคา สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงสินค้าคุณภาพในราคาถูก ลดค่าครองชีพประชาชนและเอื้อให้เกิดการจับจ่ายได้อย่างเป็นสุขแม้ในสภาพการณ์ต่างๆ และจากการสำรวจของบิ๊กซี พบว่าลูกค้าไม่ได้ต้องการแค่โปรโมชั่นที่ดึงดูดใจแค่เพียงอย่างเดียว แต่ลูกค้าต้องการราคาที่ดีที่สุด จึงเป็นที่มาของแคมเปญ "ราคาถูกลงกว่าปีที่แล้ว" หรือ "Cheaper Than Last Year" ที่บิ๊กซีนำสินค้ามากกว่า 5,000 รายการ มาลดราคาให้ถูกลงกว่าที่ขายในปี 2557 ไม่จำกัดเพียงแค่อาหารสด แต่ครอบคลุมสินค้าอุปโภคและบริโภคทุกประเภทที่จำเป็นในชีวิตประจำวันทั้งในราคาปกติและสินค้าราคาโปรโมชั่นที่จะผลัดเปลี่ยนรายการเป็นประจำทุกสัปดาห์ มาซื้อเมื่อไรก็จะได้สินค้าราคาถูกกว่าปีที่แล้วโดยไม่ต้องรอโปรโมชั่น แคมเปญดังกล่าวเป็นการสื่อสารถึงจุดแข็งด้านราคาของบิ๊กซีในไตรมาสนี้ โดยเป็นส่วนหนึ่งของงบการตลาดตลอดปีรวม 9 พันล้านบาท ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีมีการจัดโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง เช่น ซื้อ 1 แถม 1, ซื้อ 2 แถม 1, มหกรรมลดราคาสินค้าแม่และเด็กหรือการลดราคาอาหารสด 10% ทุกวันพุธ เป็นต้น เพื่อช่วยลดค่าครองชีพของประชาชนซึ่งเป็นนโยบายหลักของบิ๊กซี"
"ด้วยการจัดการต้นทุนภายใน ทั้งด้านระบบจัดการด้านซัพพลายเชนส์ที่สมบูรณ์แบบขึ้นจากการเปิดใช้ศูนย์กระจายสินค้าอาหารสดลาดกระบังในปีนี้ และศูนย์กระจายสินค้าสำหรับมินิบิ๊กซีที่ธัญบุรีในปีที่ผ่านมา ทำให้ช่วยลดระยะการเดินทางและลดการสูญเสียได้มากกว่าพันล้านบาทต่อปี ประกอบกับการลดราคาอาหารสดเพิ่ม 10% ทุกวันพุธ เฉลี่ยแล้วจึงช่วยให้ลูกค้าประหยัดขึ้น 5% ต่อการช้อปปิ้งในแต่ละครั้งเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนกำลังซื้อที่ชะลอตัวของผู้บริโภค คาดว่าจะไม่กระทบกับการออกแคมเปญ เพราะบิ๊กซีเน้นสินค้าคุณภาพราคาถูกที่ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายไม่ว่าจะอยู่จุดใดของประเทศ" มร.โรเบิร์ต ก็อดวิน กล่าวเพิ่มเติม
การเปิดตัวแคมเปญ "ราคาถูกลงกว่าปีที่แล้ว" หรือ "Cheaper Than Last Year" เป็นหนึ่งในดีเอ็นเอความจริงใจที่สะท้อนหน้าที่พลเมืองที่ดีของบิ๊กซีในการช่วยลดค่าครองชีพของประชาชนตลอดการอยู่เคียงข้างผู้บริโภคไทยมากว่า 22 ปี นี้ ตอกย้ำสถานะผู้นำด้านราคาควบคู่กับการเป็นห้างค้าปลีกในใจชุมชน ปัจจุบัน บิ๊กซีมีการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง มีสาขาไฮเปอร์มาร์เก็ตรวมทั้งสิ้น 124 สาขา (บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์, บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า, บิ๊กซีจัมโบ้) บิ๊กซี มาร์เก็ต 45 สาขา (สาขาล่าสุดที่อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น) มินิบิ๊กซี 368 สาขา และร้านขายยาเพรียว 161 สาขา ทำให้มีสาขารวมทั้งสิ้น 698 สาขา ทั่วประเทศ
ทั้งนี้ทิศทางการตลาดของบิ๊กซีในปี 2559 จะยังคงยึดมั่นเรื่องความเป็นผู้นำด้านราคาสินค้าให้กับประชาชน และให้ความสำคัญกับทุกเทศกาลสำคัญของคนไทย เช่น ปีใหม่ ตรุษจีน วาเลนไทน์ สงกรานต์ หรือในช่วงเวลาสำหรับการเฉลิมฉลอง นอกจากนี้จะเน้นการทำตลาดผ่านโซเชียลมีเดียเพื่อดึงการมีส่วนร่วมของลูกค้า รูปแบบเดียวกับแคมเปญออนไลน์ Big C J Challenge. Big C J Your Fat Off ที่กำลังจัดขึ้นเพื่อนำเสนอความหลากหลายของเมนูเจในราคาประหยัดต้อนรับเทศกาลถือศีลกินเจ แต่เหนือสิ่งอื่นใด บิ๊กซีจะคงความเป็นห้างค้าปลีกในใจชุมชนด้วยกิจกรรม CSR ที่โดดเด่นและการทำหน้าที่เป็นพลเมืองที่ดีในสังคมเพื่อประโยชน์อันยั่งยืนของประเทศ
ด้านรายได้จากการขายไตรมาสที่ 3 ของปี 2558 คิดเป็นจำนวนประมาณ 28,400 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน -4.4% แต่มีปริมาณยอดจำหน่ายสินค้ากลุ่มอาหารเพิ่มขึ้น +1.9% และมีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินค้ากลุ่มดังกล่าวเพิ่มขึ้นเช่นกัน ส่วนอัตราการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิมลดลงในอัตรา -5.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเศรษฐกิจจะอยู่ในภาวะชะลอตัวแต่รายได้จากค่าเช่าและค่าบริการสถานที่ยังเติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนอย่างแข็งแกร่ง โดยสามารถสร้างรายได้เป็นเงินจำนวนประมาณ 2,400 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นในอัตรา 2.7%