กรุงเทพฯ--20 ต.ค.--IR network
กูรูแนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" หุ้นบมจ.แอร์โรว์ ซินดิเคท หรือ ARROW ให้ราคาพื้นฐาน 17.30 บาท มองอนาคตโตไม่หยุดตามภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างและการลงทุนของภาครัฐฯ ประเมินกำไรปี 2558 เติบโตโดดเด่นถึง 68% ส่วนปี 2559 คาดขยายตัว 15%
"ธานินทร์ ตันประวัติ"ตอกย้ำปี"58 ปั๊มรายได้โตไม่ต่ำกว่า 20% หรือคิดเป็น 1,200 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด เผยแพร่บทวิเคราะห์ โดยแนะนำให้ "ซื้อเก็งกำไร" หุ้น บมจ. แอร์โรว์ ซินดิเคท (ARROW) ซึ่งคาดว่ากำไรสุทธิในปี 2558 ของบริษัทฯ จะเติบโตโดดเด่นถึง 68% หรือคิดเป็น 248 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน และปี 2559 จะขยายตัว 15% หรือคิดเป็น 285 ล้านบาท ถือเป็นกำไรปกติที่สูงที่สุดของบริษัทฯ โดยมีสาเหตุมาจากการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมส่งผลให้ยอดขายสินค้าในทุกๆ ประเภทที่บริษัทฯ ดำเนินการอยู่มีการขยายตัวตามไปด้วย อีกทั้งบริษัทฯ มีการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) เพื่อกระจายรายได้เพิ่มมากขึ้น และยังได้รับประโยชน์จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐฯ และเอกชน
ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มมากขึ้นจาก 27.5% ในปี 2557 คาดว่าจะเป็น 34.4 % ในปี 2558 จากการลดลงของราคาเหล็กชุบสังกะสี ซึ่งเป็นต้นทุนหลักของผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ที่ปรับลดลงประมาณ 25% ตั้งแต่ต้นปี 2558 ขณะที่ D/E ต่ำมากเพียง 0.07 เท่า แสดงถึงความเสี่ยงทางการเงินที่ต่ำ โดยคาดการอัตราเงินปันผลปี 2558 ในอัตราที่ 0.47 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น 2.7% และ 0.71 บาทต่อหุ้นในปี 2559 หรือคิดเป็น 4.1%
นอกจากนี้ ยังประเมินธุรกิจของ ARROW มีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต จากการเติบโตของท่อประปา PP-R ที่จะเข้ามาแทนท่อ PVC ในอนาคต เนื่องจากมีความแข็งแกร่ง ยืดหยุ่นกว่า ประกอบกับทนความร้อนได้สูงและมีอายุการใช้งานนานถึง 50 ปี ขณะที่ท่อ RTRC มีแนวโน้มการเติบโตในอนาคตสูง จากการเริ่มเปลี่ยนการวางระบบในปัจจุบันลงไปไว้ใต้ดินแทน ซึ่งบริษัทฯ จะได้รับประโยชน์อย่างมากจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายการนำสายไฟลงดินของ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) รวมถึงการเปิดประมูลก่อสร้างรถไฟ และรถไฟฟ้าสายต่างๆ ดังนั้นจึงประเมินราคาเหมาะสมของ ARROW ปี 2559 ได้ที่ 17.30 บาท/หุ้น ซึ่งประเมินด้วย P/E ปี 2559 ที่ 15.4 เท่า
ขณะที่นายธานินทร์ ตันประวัติ กรรมการผู้จัดการ บมจ.แอร์โรว์ ซินดิเคท (ARROW) ระบุว่า เชื่อมั่นว่าแนวโน้มรายได้ในปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 1,200 ล้านบาท หรือคิดเป็น 20% และคาดว่าจะสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 25-30% ได้ เนื่องจากภาพรวมธุรกิจ ยังขยายตัวได้ตามภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ยังขยายตัว และมีออเดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าหางานใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศเพิ่มอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มศักยภาพและสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในอนาคต