ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วนและแนวโน้ม “บ. กรุ๊ปลีส” ที่ “A-/Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 20, 2015 19:52 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 ต.ค.--ทริสเรทติ้ง ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วนของ บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ "A-" ด้วยแนวโน้ม "Stable" หรือ "คงที่" โดยหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการค้ำประกันบางส่วนจากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในสัดส่วน 60% ของเงินต้นและดอกเบี้ยค้างชำระของหุ้นกู้ที่เสนอขาย และเมื่อรวมกันแล้ววงเงินค้ำประกันจำกัดไว้ไม่เกิน 300 ล้านบาท ทั้งนี้ ธนาคารกสิกรไทยได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ "BBB+" ด้วยแนวโน้ม "Stable" หรือ "คงที่" (International Scale) จาก Standard and Poor's นอกเหนือจากความแข็งแกร่งที่ได้รับจากการค้ำประกันอย่างไม่มีเงื่อนไขและเพิกถอนไม่ได้จากธนาคารกสิกรไทยแล้ว อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงประวัติทางธุรกิจที่ยาวนานของบริษัทในการให้สินเชื่อรถจักรยานยนต์ ตลอดจนความสามารถและประสบการณ์ของคณะผู้บริหาร สถานะทางการตลาดที่ปรับตัวดีขึ้น และฐานทุนที่เพียงพอด้วย อย่างไรก็ตาม การแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจสินเชื่อรถจักรยานยนต์รวมถึงความเสี่ยงด้านเครดิตของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่อยู่ในระดับสูงเป็นปัจจัยลดทอนความแข็งแกร่งของอันดับเครดิตของบริษัท นอกจากนี้ ผลประกอบการที่ไม่สม่ำเสมอของบริษัทในระยะหลังโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่สภาพเศรษฐกิจชะลอตัวก็มีผลกดดันต่ออันดับเครดิตด้วยเช่นกัน แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" ของหุ้นกู้ของบริษัทขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของผู้ค้ำประกันหุ้นกู้เป็นอย่างมาก การที่บริษัทจะได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นใหญ่คาดว่าจะยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะทางการตลาด ตลอดจนควบคุมและปรับปรุงคุณภาพสินเชื่อโดยรวม รวมทั้งยกระดับผลประกอบการทางการเงินให้ดีขึ้นได้ การปรับเพิ่มขึ้นของอันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นในกรณีที่คุณภาพสินเชื่อและสถานะทางการตลาดของบริษัทปรับดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม หากคุณภาพสินเชื่อหรือความสามารถในการทำกำไรของบริษัทลดลงมากกว่าที่ทริสเรทติ้งคาดไว้ หรือหากความน่าเชื่อถือทางด้านเครดิตของผู้ค้ำประกันหุ้นกู้ของบริษัทอ่อนแอลง อันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตของหุ้นกู้ของบริษัทก็อาจจะถูกกระทบในเชิงลบไปด้วย บริษัทกรุ๊ปลีสก่อตั้งในปี 2529 โดยตระกูลเหลืองรังษีเพื่อประกอบธุรกิจให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ต่อมาในปี 2533นายขรรค์ชัย บุนปาน และนายอนุศักดิ์ อินทรภูวศักดิ์ ได้ซื้อกิจการของบริษัทจากผู้ถือหุ้นเดิมและได้เปลี่ยนไปเน้นการให้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์แทน ในปี 2548 สถานะทางการตลาดของบริษัทปรับตัวดีขึ้นหลังจากจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2547 บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นในปี 2550 โดย Asia Partnership Fund (APF) ซึ่งเป็นกองทุนจากประเทศญี่ปุ่นได้ซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นใหญ่พร้อมทั้งซื้อหุ้นผ่านการทำคำเสนอซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายย่อยที่เหลือ ส่งผลให้ APF เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทโดยมีสัดส่วนการถือหุ้น 61% ณ เดือนกันยายน 2558 หลังจากการเปลี่ยนแปลงคณะผู้บริหารของบริษัทในปี 2554 ผู้บริหารชุดใหม่ได้พยายามขยายเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายและรักษาความสัมพันธ์กับตัวแทนจำหน่ายเดิมที่มีอยู่ ความพยายามดังกล่าวส่งผลให้สถานะทางการตลาดของบริษัทปรับตัวดีขึ้น โดยสินเชื่อคงค้างของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 3,306 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2555 หรือเพิ่มขึ้น 49.8% จากปี 2554 และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 4,922 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2556 หรือเพิ่มขึ้น 48.9% จากปี 2555 เมื่อพิจารณาจากสินเชื่อคงค้างแล้ว บริษัทมีขนาดของสินเชื่อคงค้างที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 จากจำนวนผู้ให้บริการสินเชื่อรถจักรยานยนต์ 10 รายใหญ่ในฐานข้อมูลของทริสเรทติ้ง ในเดือนกรกฎาคม 2557 บริษัทได้ซื้อหุ้นทั้งหมดของ บริษัท ธนบรรณ จำกัด จากธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) โดยบริษัทธนบรรณเป็นผู้ประกอบการขนาดกลางซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในอุตสาหกรรมสินเชื่อรถจักรยานยนต์ สินเชื่อคงค้างของบริษัทธนบรรณอยู่ที่ระดับประมาณ 1,500 ล้านบาทในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา การครอบงำกิจการของบริษัทธนบรรณได้ช่วยส่งเสริมสถานะทางการตลาดของบริษัทในด้านสินเชื่อคงค้างให้ดีขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังจะได้ประโยชน์จากเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายของบริษัทธนบรรณด้วย หลังจากการซื้อกิจการของบริษัทธนบรรณแล้ว สินเชื่อคงค้างของบริษัทก็เพิ่มขึ้นเป็น 6,697 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 จาก 5,291 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 ในช่วงภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจสินเชื่อรถจักรยานยนต์นั้น ผู้ประกอบการหลายราย ซึ่งรวมถึงบริษัทด้วย ต้องชะลอการขยายสินเชื่อโดยหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพสินเชื่อให้มากขึ้น ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2557 สินเชื่อคงค้างของบริษัทยังค่อนข้างทรงตัวอยู่ที่ระดับ 6,656 ล้านบาทเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ในขณะที่ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 สินเชื่อคงค้างสำหรับให้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ของบริษัทลดลง 4% มาอยู่ที่ระดับ 6,363 ล้านบาท ในปี 2555 บริษัทได้ขยายธุรกิจไปยังประเทศกัมพูชาผ่านบริษัทลูกที่บริษัทถือหุ้นทั้งหมดคือ GL Finance PLC (GLF) โดยมีความร่วมมือกับ Honda NCX ซึ่งเป็นผู้ผลิตและตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าแต่เพียงผู้เดียวในประเทศกัมพูชา ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 สินเชื่อคงค้างของ GLF คิดเป็น 18% ของสินเชื่อคงค้างรวมของบริษัท เพิ่มขึ้นจาก 10% ณ สิ้นปี 2557 บริษัทยังคงต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ความสำเร็จในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศว่าจะช่วยยกระดับผลประกอบการโดยรวมของบริษัทได้หรือไม่เพียงใด สินเชื่อของบริษัทถดถอยลงค่อนข้างมากในปี 2554 เนื่องจากผลกระทบจากอุทกภัยครั้งใหญ่ โดยอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (สินเชื่อค้างชำระมากกว่า 3 เดือน) ต่อสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นจาก 7.8% ในปี 2553 เป็น 12.4% ในปี 2554 อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ปรับลดลงเป็น 5.5% ในปี 2555 หลังจากความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าปรับตัวดีขึ้น คุณภาพสินเชื่อของบริษัทได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมาเช่นเดียวกับผู้ประกอบการรายอื่น ส่งผลให้อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 9.6% ณ สิ้นปี 2556 หลังจากนั้นคุณภาพสินเชื่อของบริษัทก็ค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น โดยอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ลดลงเป็น 9.4% ณ สิ้นปี 2557 และ 8.1% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 ผลประกอบการของบริษัทในปี 2556 และ 2557 ได้รับผลกระทบจากคุณภาพสินเชื่อที่ถดถอยลงและการขาดทุนจากการขายรถจักรยานยนต์ยึดคืนที่สูงขึ้น อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองต่อสินเชื่อรวมถัวเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้นเป็น 8.4% ในปี 2556 และ 8.6% ในปี 2557 อัตราส่วนขาดทุนจากการขายรถจักรยานยนต์ยึดคืนต่อสินเชื่อรวมถัวเฉลี่ยก็ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 7.6% ในปี 2556 แต่ลดลงเล็กน้อยเป็น 7.5% ในปี 2557 จาก 5.1% ในปี 2555 การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองและผลขาดทุนจากรถจักรยานยนต์ยึดคืนทำให้กำไรสุทธิของบริษัทอยู่ที่ระดับ 240 ล้านบาทในปี 2556 หรือลดลง 33% จากปี 2555 และ 115 ล้านบาทในปี 2557 หรือลดลง 52% จากปี 2556 อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยปรับลดลงเป็น 5.4% ในปี 2556 และ 1.8% ในปี 2557 จาก 12.3% ในปี 2555 อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการของบริษัทมีทิศทางที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองต่อสินเชื่อรวมถัวเฉลี่ยลดลงเป็น 6% (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีแล้ว) อีกทั้งอัตราส่วนขาดทุนจากการขายรถจักรยานยนต์ยึดคืนต่อสินเชื่อรวมถัวเฉลี่ยก็ปรับลดลงเช่นกันเป็น 5.8% (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีแล้ว) ในขณะที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 240 ล้านบาทสำหรับครึ่งแรกของปี 2558 และอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 6.1% (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีแล้ว) ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงความเข้มงวดของนโยบายการอนุมัติสินเชื่อและการจัดเก็บหนี้ อีกทั้งยังคาดหวังด้วยว่าบริษัทจะดำเนินมาตรการควบคุมและปรับปรุงคุณภาพสินเชื่ออย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี 2558 และต่อ ๆ ไป ความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัทปรับตัวดีขึ้นหลังจากมีการเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นในปี 2550 บริษัทสามารถขยายฐานสินเชื่อด้วยการกู้ยืมเงินโดยมีความน่าเชื่อถือของผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นปัจจัยสนับสนุน แม้ว่าเงินกู้ยืมรวมของบริษัทจะปรับเพิ่มขึ้นจาก 954 ล้านบาทในปี 2550 เป็น 3,111 ล้านบาทในปี 2556 อัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมก็ยังคงแข็งแกร่ง โดยส่วนหนึ่งเนื่องมาจากการเพิ่มทุนอย่างต่อเนื่องและการมีผลประกอบการทางการเงินที่แข็งแรง อัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมของบริษัทลดลงเป็น 41.1% ณ สิ้นปี 2556 จาก 45.6% ในปี 2555 และ 57.9% ในปี 2554 การครอบครองกิจการของบริษัทธนบรรณในช่วงกลางปี 2557 ที่ผ่านมาใช้เงินทุนจากการกู้ยืมเป็นส่วนใหญ่ ส่งผลให้อัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมของบริษัทลดลงเป็น 34.6% ณ สิ้นปี 2557 แต่ขยับขึ้นมาเล็กน้อยเป็น 36.7% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 แม้ว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะมีแนวโน้มลดลง แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่เพียงพอสำหรับธุรกิจสินเชื่อรถจักรยานยนต์ที่มีความเสี่ยงสูงของบริษัท ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะรักษาระดับฐานทุนที่สูงกว่าผู้ประกอบการธุรกิจให้สินเชื่อยานพาหนะทั่วไปที่เน้นรถยนต์นั่งและรถกระบะ ทั้งนี้ ฐานทุนที่แข็งแกร่งของบริษัทจะเป็นเครื่องมือช่วยพยุงและดูดซับความเสี่ยงเนื่องจากฐานลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทมีความเสี่ยงด้านเครดิตที่ค่อนข้างสูงและมีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจมากกว่า บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) (GL) อันดับเครดิตตราสารหนี้: GL172A: หุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วนมูลค่ารวม 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A- แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ