กรุงเทพฯ--27 ต.ค.--เดอะเวย์ คอมมิวนิเคชั่น
"ทาคูนิ กรุ๊ป" มั่นใจระดมทุน 400 ล้านบาท พร้อมแจกวอร์แรนต์ ช่วยเสริมธุรกิจให้แข็งแกร่ง เร่งสร้างผลตอบแทนผู้ถือหุ้น เดินหน้าลงทุนโรงไฟฟ้าชีวมวล 9.9 เมกะวัตต์ COD แล้ว รับรู้รายได้ทันที
นางสาวนิตา ตรีวีรานุวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาคูนิ กรุ๊ปจำกัด (มหาชน) หรือ TAKUNI เปิดเผยว่า หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติให้นำเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติการเพิ่มทุนเป็น 600 ล้านบาท จากเดิมที่ 200 ล้านบาท โดยจะออกหุ้นใหม่ 800 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หรือพาร์หุ้นละ 0.50 บาท จัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ จำนวนไม่เกิน 400 ล้านหุ้น โดยกำหนดราคาเสนอขายหุ้นละ 1 บาท ซึ่งกำหนดวันจองซื้อและชำระเงินค่าจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนในวันที่ 4-8 ม.ค.59 บริษัทฯเชื่อมั่นว่าการเพิ่มทุนดังกล่าวจะช่วยสร้างความมั่นคง และแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ เนื่องจากการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะใช้ในการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ซึ่งสามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรทันที และที่สำคัญจะเป็นการกระจายความเสี่ยงไปยังธุรกิจพลังงานทดแทนซึ่งมีอัตราผลตอบแทนที่คุ้มค่าในการลงทุน และเป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต
ส่วนหุ้นเพิ่มทุนส่วนที่เหลืออีก 400 ล้านหุ้น จะใช้รองรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ หรือวอร์แรนต์ รุ่นที่ 1 หรือ TAKUNI-W ที่จะจัดสรรไม่เกิน 400 ล้านหน่วย โดยไม่คิดมูลค่า แบ่งเป็นจัดสรรไม่เกิน 200 ล้านหน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา 2 หุ้น ต่อ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ และจัดสรรไม่เกิน 200 ล้านหน่วย ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมที่ใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนในอัตราส่วน 2 หุ้นเพิ่มทุนต่อ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยใบสำคัญแสดงสิทธิดังกล่าวมีอายุ 5 ปี และมีอัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาใช้สิทธิหุ้นละ 2 บาท
ทั้งนี้การเพิ่มทุนดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการชำระคืนตั๋วแลกเงินที่ออกเพื่อชำระค่าหุ้นบริษัท เวลล์ โคราช เอ็นเนอร์ยี จำกัด หรือ WK มูลค่า 140 ล้านบาท โดยคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติการเข้าซื้อหุ้น 45% ใน WK โดย WK เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทน ที่ใช้เปลือกไม้ และเศษไม้เป็นวัตถุดิบ มีกำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ ซึ่งได้รับสัญญาสัมปทานขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ กฟภ. จำนวน 8 เมกะวัตต์ เป็นเวลา 5 ปี ต่อสัญญาได้ครั้งละ 5 ปี
โดยโรงไฟฟ้าดังกล่าวได้เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ หรือ COD เมื่อเดือนก.ค.58 ที่ผ่านมา โดยการลงทุนดังกล่าวจะทำให้บริษัทมีกำไรจากธุรกิจใหม่ คือธุรกิจผลิตและขายไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นการกระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่บริษัทฯอีกด้วย รวมถึงจะใช้เงินที่ได้จากการเพิ่มทุนดังกล่าวเพื่อขยายการลงทุนในโครงการต่างๆที่มีศักยภาพในอนาคต โดยบริษัทฯเองก็มีความสนใจเข้าลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนอื่น ๆ อีกด้วย
'เรามีความสนใจในการลงทุนด้านพลังงานมาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้เป็นการลงทุนที่คณะกรรมการบริษัทฯ มีความเห็นว่า สมเหตุสมผล เป็นการกระจายความเสี่ยงในการดาเนินธุรกิจของบริษัทเนื่องจากโรงไฟฟ้ามีรายได้คงที่ และที่สำคัญเราสามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการนี้ได้เลยทันที เพราะได้มีการ COD ไปแล้ว ทำให้บริษัทฯมีความมั่นคงมากขึ้น' นางสาวนิตากล่าว