กรุงเทพฯ--27 ต.ค.--EXIM BANK
ผลการดำเนินงานในรอบ 9 เดือน (มกราคม-กันยายน) ของปี 2558 EXIM BANK มีกำไรสุทธิ 1,179 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1,153 ล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 มีเงินให้สินเชื่อคงค้าง จำนวน 73,733 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 70,066 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2557 และมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคาร (NPLs Ratio) ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 อยู่ที่ร้อยละ 6.49 เป็นจำนวนทั้งสิ้น 4,785 ล้านบาท รวมทั้งมีเงินสำรองหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 5,453 ล้านบาท โดยเป็นสำรองหนี้พึงกันตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 2,814 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินสำรองที่กันไว้แล้วต่อสำรองพึงกันร้อยละ 193.79
นายเขมทัศน์ สายเชื้อ รักษาการกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า ธุรกิจของ EXIM BANK ประกอบด้วย 2 ส่วนหลักคือ สินเชื่อและรับประกัน ผลการดำเนินงานใน 9 เดือนที่ผ่านมาของปี 2558 การสนับสนุนสินเชื่อของ EXIM BANK แก่ผู้ประกอบการไทยทำให้เกิดปริมาณธุรกิจ (Business Turnover) 103,305 ล้านบาท และเงินให้สินเชื่อคงค้างจำนวน 73,733 ล้านบาท โดยเป็นสินเชื่อใหม่ที่เบิกจ่ายเพิ่มขึ้นในระหว่างปีจำนวน 15,937 ล้านบาท ส่วนการรับประกันทำให้เกิดปริมาณธุรกิจส่งออกและลงทุนรวม 49,238 ล้านบาท โดย 6,951 ล้านบาทเป็นธุรกิจส่งออกของ SMEs หรือร้อยละ 14.12 ของธุรกิจรับประกันรวม ทั้งนี้ มียอดรับประกันคงค้าง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 จำนวน 16,210 ล้านบาท
การสนับสนุนผู้ส่งออก SMEs เป็นนโยบายหนึ่งที่สำคัญของ EXIM BANK โดยธนาคารได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ทำให้มีลูกค้า SMEs เพิ่มมากขึ้น โดยลูกค้า SMEs คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 80 ของลูกค้าทั้งหมด และมีการอนุมัติวงเงินเพิ่มใหม่ในปี เท่ากับ 27,427 ล้านบาท วงเงินอนุมัติสะสมที่ลูกค้าสามารถเบิกใช้สินเชื่อได้เท่ากับ 67,010 ล้านบาท และเงินให้สินเชื่อคงค้างให้แก่ผู้ส่งออก SMEs มีจำนวน 23,263 ล้านบาท
ด้านการสนับสนุนตามยุทธศาสตร์ของประเทศและนโยบายรัฐ เช่น สนับสนุนโครงการพัฒนาพลังงานทดแทน สนับสนุนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมของประเทศ และอุตสาหกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่อง และสนับสนุนผู้ประกอบการพาณิชยนาวีและโลจิสติกส์อื่นๆ EXIM BANK มีการอนุมัติวงเงินสินเชื่อเพื่อพัฒนาประเทศเพิ่มใหม่ในปีจำนวน 10,688 ล้านบาท และวงเงินอนุมัติสะสมจำนวน 45,882 ล้านบาท เป็นเงินให้สินเชื่อคงค้าง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 เท่ากับ 25,980 ล้านบาท
ด้านการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ โดยสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ EXIM BANK ที่จะเป็นธนาคารที่สร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยเข้าสู่เวทีโลก โดยเฉพาะประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) ปัจจุบัน EXIM BANK มีวงเงินอนุมัติสะสมของสินเชื่อเพื่อการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศในกลุ่มประเทศ AEC รวม 88,043 ล้านบาท โดยเป็นวงเงินอนุมัติเพิ่มใหม่ในปีเท่ากับ 23,375 ล้านบาท ขณะที่เงินให้สินเชื่อคงค้าง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 เท่ากับ 41,728 ล้านบาท ในขณะเดียวกัน EXIM BANK ยังได้ให้การสนับสนุนด้านการป้องกันความเสี่ยงเพื่อผลักดันให้การค้าการลงทุนระหว่างประเทศกับ AEC ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีวงเงินป้องกันความเสี่ยงให้กับผู้ประกอบการอยู่ที่ 26,085 ล้านบาท
รักษาการกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า เมื่อเดือนกันยายน 2558 EXIM BANK ได้ร่วมลงนามกับผู้บริหารสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐและธนาคารพาณิชย์รวม 19 แห่ง ในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ "โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อ SMEs" เพื่อช่วยเหลือและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ SMEs รวมทั้ง EXIM BANK ยังคงให้ความสนับสนุนผู้ส่งออก ผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออก และนักลงทุนโดยเฉพาะผู้ประกอบการSMEs ที่จะเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจส่งออกอย่างเต็มที่ โดย EXIM BANK มีผลิตภัณฑ์เพื่อช่วยเหลือสนับสนุนผู้ประกอบการได้อย่างครบวงจร ดังนี้ สินเชื่อ SMEs ส่งออกสบายใจ สินเชื่อ SMEs ค้าชายแดน สินเชื่อ SMEs ขยายฐาน สินเชื่อเพื่อการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ สินเชื่อเพิ่มพลังผู้ซื้อผู้ขาย สินเชื่อ SMEs เริ่มต้นธุรกิจ สินเชื่อ SMEs เพื่อการวิจัยพัฒนาและนวัตกรรม บริการประกันความเสี่ยงให้แก่ผู้ส่งออกสินค้าหรือบริการจากการไม่ได้รับชำระเงินตามสัญญา และบริการสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า เป็นต้น
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักบริหาร EXIM BANK สำนักงานใหญ่
โทร. 0 2271 3700, 0 2278 0047, 0 2617 2111 ต่อ 1141-6