“เลือกความมั่งคั่งเป็นของขวัญ” เทรนด์ใหม่ของการให้รางวัลชีวิตส่งท้ายปี 2558

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 27, 2015 14:59 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 ต.ค.--ธนาคารกสิกรไทย เทศกาลปีใหม่กำลังจะมาถึง หลายคนถือโอกาสนำมาเป็นช่วงเวลาแห่งการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ หรือมองหาของขวัญดีๆ ให้เป็นรางวัลชีวิต บางคนมองหากระเป๋าหรู นาฬิการาคาแพง หรือเลือกไปพักผ่อนต่างประเทศ แต่รู้ไหมว่า เทรนด์ใหม่มาแรงปีนี้ คือการจัดสรรเงินไปลงทุนให้งอกเงย เพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเอง เพื่อเปิดโอกาสให้เงินทำงาน ในขณะที่เราสามารถออกไปใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ นับตัวเลือกที่น่าสนใจที่จะมอบให้เป็นของขวัญตัวเองในปีใหม่นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในกองทุนรวมอย่างกองทุนรวมหุ้นระยะยาว LTF (Long Term Equity Fund) หรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ RMF (Retirement Mutual Fund) เนื่องจากการลงทุนใน LTF/RMF นั้น มีโอกาสให้ผลตอบแทนสูง อีกทั้งเงินที่ลงทุนสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้? นายทวี ธีระสุนทรวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ให้เคล็ดลับในการวางแผนการลงทุนว่า การลงทุนในกองทุน LTF หรือ RMF เป็นการสร้างวินัยด้านการลงทุนให้แก่ผู้ลงทุนได้เริ่มต้นลงทุนแบบง่ายๆ เสมือนการโยกเงินออกจากระเป๋าเราไปสร้างมูลค่าเพิ่มในรูปแบบการลงทุนในระยะยาว และยังมีโบนัสแถมเป็นสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี แต่เทคนิคที่จะทำให้ผู้ลงทุนที่ไม่มีเวลาติดตามสภาวะการลงทุนยังสามารถลงทุนในต้นทุนที่ไม่สูงเกินไปได้ คือควรมีการทยอยลงทุนทุกเดือน ดีกว่าการซื้อเป็นก้อนใหญ่ๆ เพื่อช่วยถัวเฉลี่ยต้นทุนในการลงทุน เพราะไม่มีใครที่จะคาดการณ์ภาวะตลาดได้อย่างแม่นยำหรือเข้าซื้อได้ถูกจังหวะตลอดไป อย่างไรก็ตาม ก่อนจะตัดสินใจลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลของกองทุน LTF/RMF ต่างๆ ว่า มีนโยบายการลงทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานย้อนหลังเป็นอย่างไร เพื่อให้เราสามารถเลือกกองทุน LTF/RMF ได้เหมาะสมกับตัวเรามากที่สุด มือใหม่ที่ยังลังเลใจว่าจะเลือกกองทุนไหนดี มาดูเคล็ดลับเลือกกองทุนอย่างไรให้ถูกใจและถูกกองกันดีกว่า 1.พิจารณาวัตถุประสงค์ในการลงทุน หากเรามีเป้าหมายการลงทุนในระยะยาวประมาณ 7-8 ปี แต่ไม่ได้ต้องการลงทุนเพื่อเกษียณ การลงทุนใน LTF อาจจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมมากกว่าในการเลือกลงทุน แต่ก็ต้องระวังเรื่องของความเสี่ยง เพราะว่ากองทุน LTF นั้นเป็นกองทุนหุ้น แต่ถ้าเราคิดว่าเราอยากสะสมเงินเกษียณเพิ่มเติมนอกจากเงินสะสมจากการทำงาน เช่นประกันสังคม หรือ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ(ถ้ามี) หรือ กบข. (ถ้ามี) การลงทุนใน RMF เพิ่มเติมก็เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ตรงนี้ได้ 2. หากองทุนผลตอบแทนดีสม่ำเสมอที่เราพอใจ ผลตอบแทนของกองทุนนั้น เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเราได้ผลประโยชน์จากการลดหย่อนภาษีมา แต่มาขาดทุนผลตอบแทนก็คงไม่คุ้มค่าเป็นแน่ครับ ดังนั้น เราเองต้องพิจารณาผลตอบแทนจากการลงทุนด้วยว่าผลตอบแทนที่ได้ เราพึงพอใจกับมันหรือไม่ 3. ลงทุนในความเสี่ยงที่เรารับได้ ความเสี่ยง เป็นของคู่กันกับผลตอบแทน แต่เรามักจะละเลย ซึ่งในความเป็นจริง เราอาจจะต้องนึกถึงเรื่องนี้ก่อนเป็นข้อแรกเสียด้วยซ้ำ เพราะว่าบางคนไม่ทราบว่าการลงทุนในกองทุน LTF นั้นมีความผันผวนมากพอสมควร เนื่องจากเป็นการลงทุนในหุ้น ซึ่งถ้าใครรับความเสี่ยงไม่ได้ ก็ควรไปลงทุนกับกองทุน RMF ที่เป็นกองทุนตราสารหนี้ หรือ RMF ที่เป็นกองทุนผสมระหว่างตราสารหนี้ กับหุ้น จะดีกว่า 4. สไตล์การลงทุน และ แนวทางการจัดการกองทุนของแต่ละ บลจ. เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญอีกประการที่คนมักจะมองข้าม และไม่รู้ว่าแต่ละ บลจ. นั้นจะมีนโยบายการลงทุน การจัดการความเสี่ยงที่ไม่เหมือนกันเลย มีหลากหลายสไตล์ ซึ่งเราเองก็ต้องเลือกให้เหมาะกับนิสัย หรือความชอบของนักลงทุนด้วย เพราะว่าจะทำให้เราลงทุนกับกองทุนแล้วสบายใจ เวลาลงทุนไปแล้วจะได้ไม่เครียด นอนหลับได้สบายใจมากขึ้น 5.ข้อกฎหมายที่ควรรู้ เกณฑ์การลงทุนใน LTF/RMF ที่กรมสรรพากรกำหนดขึ้นมาใหม่เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เกี่ยวกับเงินได้ที่จะนำมาคำนวณเป็นฐานในการซื้อ LTF/RMF เพื่อลดหย่อนภาษีนั้น ได้กำหนดไว้ว่าเป็น "เงินได้พึงประเมินที่ได้รับซึ่งต้องเสียภาษีเงินได้ในปีนั้น" ซึ่งเปลี่ยนไปจากเดิมที่กำหนดไว้ว่าเป็น "เงินได้พึงประเมิน" โดยให้มีผลในปีภาษี 58 เป็นต้นไป หลายคนอ่านดูแล้วอาจยังงงๆ ไม่ค่อยเข้าใจ หรือรู้สึกว่าไม่เห็นจะต่างไปจากเดิมตรงไหนเลย จริงๆ แล้วก็มีความต่างอยู่นะคะตรงที่ รายได้ที่จะนำมารวมคำนวณเพื่อซื้อ LTF/RMF นั้นจะต้องเป็นรายได้ที่เสียภาษีเท่านั้น ซึ่งต่างจากเดิมที่สามารถนำรายได้ที่แสดงในแบบภ.ง.ด.ทั้งหมด ทั้งรายได้ที่เสียภาษีและไม่เสียภาษี มาเป็นฐานเพื่อซื้อ LTF/RMF ได้เลย สำหรับรายได้ที่ต้องเสียภาษี ก็เป็นรายได้ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เช่น เงินเดือน ค่าล่วงเวลา โบนัส รวมทั้งรายได้จากวิชาชีพอิสระ เช่น หมอ นักบัญชี นักกฎหมาย สถาปนิก วิศวกร เป็นต้น ส่วนรายได้ที่ไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งตามเกณฑ์ใหม่ไม่สามารถนำมารวมเป็นฐานในการคำนวณซื้อ LTF/RMF ได้ก็มีหลายประเภท เช่น เงินรางวัลจากการถูกสลากกินแบ่งรัฐบาล กำไรจากการขาย LTF ที่ขายคืนแบบถูกเงื่อนไข เงินที่ได้รับจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเมื่ออายุ 55 ปีขึ้นไป และเป็นสมาชิกกองทุนฯ มาแล้วอย่างน้อย 5 ปีต่อเนื่องกัน เป็นต้น สำหรับกองทุน LTF/RMF 3 กองทุนโดดเด่นและมีผลการดำเนินงานที่น่าสนใจในช่วงนี้ ทวีแนะนำ กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ระยะสั้นเพื่อการเลี้ยงชีพ (KSFRMF) ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีความผันผวนน้อย และเป็นกองทุนที่จัดอยู่ในกลุ่มความเสี่ยงระดับต่ำ โดยกองทุน KSFRMF สามารถสร้างผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในปี 2558 จนขึ้นแท่นครองอันดับ 1 ในกลุ่มกองทุน RMF ที่มีนโยบายลงทุนในตลาดเงิน กองทุนเปิดเค โกลบอล แอลโลเคชั่น เพื่อการเลี้ยงชีพ (KGARMF) ที่เน้นกระจายการลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ในภูมิภาคต่างๆทั่วโลกโดยกองทุนจะมีการปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนเพื่อให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และเป็นกองทุนที่จัดอยู่ในกลุ่มความเสี่ยงระดับปานกลาง และกองทุนเปิดเค 20 ซีเล็คหุ้นระยะยาวปันผล (K20SLTF) ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นไทย โดยกองทุนมีจุดเด่นที่เน้นการคัดเลือกหุ้นที่มีศักยภาพสูงไม่เกิน 20 บริษัท และเป็นกองทุนที่จัดอยู่กลุ่มที่มีความเสี่ยงระดับสูง สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือ การศึกษาข้อมูลของกองทุนต่างๆ ว่ามีนโยบายการลงทุน การจ่ายเงินปันผล และผลการดำเนินงานย้อนหลังเป็นอย่างไร เพื่อให้เราสามารถเลือกกองทุนได้อย่างเหมาะสม ตรงกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และโดนใจเรามากที่สุด ติดตามบทความที่เกี่ยวข้องกับซื้อกองทุนอย่างไรให้มีประสิทธิภาพได้ที่ www.askKBank.com/K-Expert หากมีข้อสงสัยหรือต้องการปรึกษาวางแผนเพิ่มเติมสามารถปรึกษากับ K-Expert ธนาคารกสิกรไทยได้ที่ K-Expert@kasikornbank.com ใครทำตามเคล็ดลับทั้งหมดนี้ รับรองได้ว่าเงินจะเต็มกระเป๋าให้อุ่นใจรับปีใหม่ได้อย่างแน่นอน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ