กรุงเทพฯ--27 ต.ค.--โฟร์ พี.แอดส์ (96)
นายแพทย์อำนวย กาจีนะ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข รักษาราชการแทนอธิบดี กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้เป็นช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงปลายฝนต้นหนาว ในสภาวะอากาศเช่นนี้อาจส่งผลให้เกิดโรคภัยต่างๆ ได้ง่าย โดยเฉพาะโรคในระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะโรคไข้หวัดใหญ่ที่พบได้บ่อยในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง กลุ่มเสี่ยงที่เจ็บป่วยได้ง่ายและอาการรุนแรงกว่าประชาชนทั่วไป ได้แก่ 1.กลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี
2.กลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป 3.หญิงมีครรภ์ และ 4.กลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหอบหืด โรคปอดเรื้อรัง โรคตับ และโรคโลหิตจาง เป็นต้น จากข้อมูลเฝ้าระวังโรคของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-19 ตุลาคม 2558 พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ทั่วประเทศ 55,567 ราย เสียชีวิต 27 ราย กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด คืออายุ 25-34 ปี(11.7%) อายุ15-24 ปี(11.1%) และอายุ35-44 ปี(10.3%)
นายแพทย์อำนวย กล่าวต่อว่า โรคไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้ออินฟลูเอ็นซาไวรัส ติดต่อจากการไอ จามรดกัน อาการของโรคไข้หวัดใหญ่จะเริ่มด้วยมีไข้สูง ตัวร้อน หนาว ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะที่หลัง ต้นแขน ต้นขา ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คัดจมูก มีน้ำมูกใสๆ ไอแห้งๆ โดยในเด็กอาจพบอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วงได้มากกว่าผู้ใหญ่ ส่วนอาการคัดจมูก จาม เจ็บคอ พบเป็นบางครั้งในไข้หวัดใหญ่ แต่จะพบในไข้หวัดมากกว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง สามารถหายป่วยได้โดยไม่ต้องรับการรักษา อาการจะทุเลาลงและหายป่วยได้เองภายใน 5-7 วัน แต่บางรายที่มีภาวะแทรกซ้อน ทำให้เกิดอาการที่รุนแรง เช่น ปอดบวม สมองอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ตับอักเสบ หายใจเร็ว เหนื่อย หอบ หายใจลำบากซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้
การป้องกันโรคในระบบทางเดินหายใจ ควรดูแลตนเองด้วยการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ กินอาหารปรุงสุกใหม่ ใช้ช้อนกลาง และหมั่นล้างมือบ่อยๆ กำจัดเชื้อโรคสิ่งสกปรกต่างๆ ที่ติดมากับมือ รักษาอุณหภูมิของร่างกายให้เหมาะสม สวมใส่เสื้อผ้าให้พอเหมาะกับสภาพอากาศ หลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในสถานที่มีคนแออัด เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงงาน ตลาดนัด เป็นต้น ควรหมั่นทำความสะอาดสถานที่ อุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ เช่น ลูกบิดประตู ราวบันได โต๊ะอาหาร ด้วยน้ำผงซักฟอกหรือน้ำยาทำความสะอาดทั่วไป และเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท
"สำหรับผู้ป่วย ขอให้พักผ่อนมากๆ และสวมหน้ากากอนามัย แนะนำให้ผู้ป่วยหยุดเรียน หรือหยุดทำงานและให้อยู่ที่บ้านจนกว่าจะหายเป็นปกติ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น ที่สำคัญผู้ปกครองต้องคอยสังเกตอาการของบุตรหลานอย่างใกล้ชิด เพราะเด็กเล็กมักป่วยได้ง่ายและบางครั้งเด็กอาจไม่แสดงอาการออกมาให้เห็น หากพบว่ามีอาการรุนแรงขึ้น เช่น เหนื่อยหอบ หรืออาการไม่ดีขึ้นภายใน 48 ชั่วโมง ขอให้ไปพบแพทย์ที่สถานพยาบาลใกล้บ้านทันที ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422" นายแพทย์อำนวย กล่าว