กรุงเทพฯ--28 ต.ค.--9801 GROUP
ฟาร์แมกซ์ ศูนย์เภสัชกรรมชั้นนำของไทย ชูจุดแข็งร้านยาคุณภาพ โดยเภสัชกร ในรูปแบบซุปเปอร์มาร์เก็ตยา เป็นที่พึ่งของประชาชนยามเจ็บป่วยเบื้องต้น ชี้สถิติจำนวนผู้สูงอายุสูงขึ้นและเทรนด์คนรักสุขภาพ ส่งผลให้ใช้จ่ายกับยารักษาโรคประจำตัวและผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสูงขึ้น ทำให้ธุรกิจร้านยาเติบโตอย่างต่อเนื่อง สวนกระแสเศรษฐกิจ ประกาศ! พร้อมสู้ศึก AEC ไม่หวั่นเชนยาแบรนด์นอก เพราะไม่ใช่คู่แข่งทางตรง ฉลองความสำเร็จครบรอบ 8ปี 8 สาขาสู่ร้านยาเพื่อสังคม และเตรียมทุ่ม 60 ล้านบาท ขยายสาขาทั่ว กทม. และ ปริมณฑล เล็งย่านโครงการบ้านเดี่ยว คอมมูนิตี้มอลล์
ภก.ธัชพล ชลวัฒนสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟาร์แมกซ์ รีเทล จำกัด เผยว่า ศูนย์ เภสัชกรรมชั้นนำฟาร์แมกซ์ (PHARMAX) ดำเนินธุรกิจด้านการ ค้าปลีกยา เวชภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์สุขภาพ จากเมื่อ 8 ปีที่แล้วที่เราเห็นปัญหาว่าร้านยาส่วนใหญ่ซึ่งควรจะเป็นที่พึ่งของประชาชน กลับไม่มีเภสัชกรประจำร้าน และไม่มีการควบคุมอุณหภูมิในการเก็บรักษายา รวมถึงการควบคุมวันหมดอายุ ซึ่งต่างจากในต่างประเทศที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก จากปัญหาดังกล่าว จึงเป็นแรงบันดาลใจในการก่อตั้งศูนย์เภสัชกรรมชั้นนำฟาร์แมกซ์ (PHARMAX) ขึ้น เพราะเราเชื่อว่าประสิทธิภาพในการรักษาที่ดีต้องประกอบด้วยคุณภาพที่ดีของยาและความรู้ความเข้าใจในวิธีการใช้ยาที่ถูกต้องจากเภสัชกร
จากการดำเนินการ 8 ปีที่ผ่านมาฟาร์แมกซ์มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และผ่านการรับรองให้เป็นร้านยาคุณภาพโดยสภาเภสัชกรรม และตรงกับมาตรฐานและข้อกำหนดของสำนักงานอาหารและยา (อย.) มาตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจ ทั้งการจ่ายยาโดยเภสัชกรตลอดเวลาทำการ การควบคุมอุณหภูมิในคลังสินค้าติดแอร์และภายในร้านยา จุดแข็งจ่ายยาคุณภาพ โดยเภสัชกร และทีมงานที่มีประสบการณ์ด้านยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ อีกทั้งยังเป็นศูนย์การค้าปลีกราคาส่งยาคุณภาพรูปแบบใหม่ที่ได้มาตรฐาน มีสินค้าครบทุกรายการทั้ง ยา เวชภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกว่า 5,000 ชนิด ในราคาที่ไม่แพง
ที่ผ่านระบบการคัดเลือกยาและสินค้าสุขภาพโดยทีมเภสัชกร โดยมีการนำระบบไอทีเข้ามาช่วย ทั้งในส่วนของการจัดเก็บข้อมูลลูกค้า จัดซื้อ การบริหารคลังสินค้าติดแอร์ รวมถึงระบบขนส่งติดแอร์ เพื่อควบคุมอุณหภูมิในการรักษาคุณภาพของยา พร้อมกับระบบการจัดการที่ดี รวดเร็ว จึงทำให้สต็อกสินค้าไม่เกิน 1เดือน และมีการติดฉลากวันผลิตและวันหมดอายุอย่างชัดเจน ซึ่งเห็นได้ว่ายาจาก ฟาร์แมกซ์เป็นยาใหม่ที่มีการควบคุมคุณภาพเป็นอย่างดีตั้งแต่ผู้ผลิตจนถึงมือผู้บริโภค
อีกทั้งธุรกิจร้านยามีอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่องสวนกระแสเศรษฐกิจ เนื่องจากยาซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการดำเนินชีวิตแล้ว ยังมีปัจจัยการเติบโตอีกหลายด้าน ทั้งด้านพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น ทำให้มีสถิติผู้สูงอายุสูงขึ้น (อายุ 60 ปีขึ้นไป) มากกว่าร้อยละ 10 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ ทำให้สังคมไทยเข้าสู่สังคมของผู้สูงวัย (Aging Society) ส่งผลให้ทำให้ใช้จ่ายกับยารักษาโรคและอาการเสริมมากขึ้น และพบว่าเมื่อผู้บริโภคมีอาการเจ็บป่วยเบื้องต้นจะนิยมซื้อยาจากร้านขายยาทานเอง มากกว่าไปโรงพยาบาลเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า จึงทำให้ธุรกิจร้านขายยาเติบโตอย่างต่อเนื่องท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
โดยตลาดยาในประเทศไทยมีมูลค่าตลาด ประมาณ 136,800 ล้านบาท แบ่งเป็น โรงพยาบาลและคลินิก 107,600 ล้านบาท และเฉพาะร้านขายยา 29,200ล้านบาท (ไม่รวมเวชภัณฑ์, เวชสำอาง, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่นๆ) ซึ่งฟาร์แมกซ์มีการอัตราการเติบโตเฉลี่ย 15-20% ต่อปี และมีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องย่านคอมมูนิตี้มอลล์ใกล้กับชุมชน โครงการบ้านเดี่ยว และทาวน์โฮม บนพื้นที่ตั้งแต่ 100 - 200 ตรม. ในรูปแบบซุปเปอร์มาร์เก็ตยา ที่ลูกค้าสามารถเดินเลือกซื้อเวชภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์สุขภาพและปรึกษาเภสัชกร ภายใต้บรรยากาศสบายๆ และอบอุ่นเป็นกันเอง พร้อมมีโซฟานั่งรอสำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งขณะนี้มีทั้งหมด 8 สาขา ได้แก่ สาขาประดิษฐ์มนูธรรม, สาขาเพียวเพลส รามคำแหง, สาขานวลจันทร์, สาขาดิอเวนิว แจ้งวัฒนะ, สาขาเดอะไนน์ พระราม 9, เดอะแจ๊ส วังหิน, เดอะแจ๊ส รามอินทรา และ สาขาจัตุรัสจามจุรี แห่งนี้
จากการวิเคราะห์ตลาดร้านขายยาในอีก 3 ปีข้างหน้า 2559 – 2561 จะยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากแนวโน้มประชากรของประเทศไทยที่เริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและจากการเปิด AEC อย่างเป็นทางการ ในปี 2559 อาจมีเชนยาจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาทำตลาดในเมืองไทย อาทิเช่น เชนยาจากอินโดนีเซีย ซึ่งนับว่าเป็นเชนยาขนาดใหญ่และมีงบลงทุนจำนวนมาก อย่างไรก็ตามเชนยาจากตลาด AEC ไม่นับว่าเป็นคู่แข่งทางตรงของฟาร์แมกซ์ เนื่องจากว่าเชนยาจากต่างประเทศที่มีแนวโน้มเป็นรูปแบบร้านบิ้วตี้ ตามเทรนด์สุขภาพและความงาม ที่เน้นขายผลิตภัณฑ์ความงามและอาหารเสริม และ มีบู้ทยาขนาดเล็กภายในร้าน
ภก.ธัชพล ชลวัฒนสกุล กล่าวเสริมว่า จากการดำเนินที่ผ่านมา ฟาร์แมกซ์ได้มีการจัดฝึกอบรมบุคลากรอย่างต่อเนื่อง และดูแลบุคลากรเหมือนญาติพี่น้อง จนกลายเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่ทุกคนดูแลเอาใจใส่กันเหมือนญาติและคำนึงเสมอว่า "ลูกค้าคือญาติ" โดยจ่ายยาที่ดี มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสมให้กับลูกค้าเหมือนจ่ายยาให้ญาติเราเอง และยังเน้นให้บุคลากรของเราได้ทำกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ในเขตชุมชนใกล้เคียงในโอกาสต่างๆ โดยเน้นกิจกรรมอบรมให้ความรู้เรื่องยา และการป้องกันโรคระบาดตามฤดูกาล หรือ โรคระบาดร้ายแรงที่ทั่วโลกเฝ้าระวัง อีกทั้งเป็นแหล่งฝึกงานหลักของนิสิต-นักศึกษา เภสัชศาสตร์ โดยร่วมมือกับหลากหลายมหาวิทยาลัยเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาบุคลากรด้านเภสัชกรออกสู่สังคม โดยในอนาคตจะมีจัดตั้งเป็นศูนย์ฝึกงานของนักศึกษาเภสัชศาสตร์ จึงทำให้ ฟาร์แมกซ์ได้รับการสนับสนุนจากหลากหลายมหาวิทยาลัยและองค์การเภสัชกรรมเป็นอย่างดี และได้รับความไว้วางใจจากเภสัชกรเข้าร่วมงานด้วย โดยไม่ประสบปัญหาขาดแคลนเภสัชกรเหมือนร้านยาอื่น
ทั้งนี้ฟาร์แมกซ์ได้ร่วมบริจาคตู้ยาให้กับมูลนิธิเพื่อการวิจัยและพัฒนาระบบยา(วพย.)เพื่อมอบตู้ยาให้กับโรงเรียนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ใน โครงการ "ตู้ยาเพื่อน้อง 3 จังหวัดชายแดนใต้" เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยดูแลรักษาอาการเจ็บป่วยของเด็กและเยาวชนในโรงเรียนและประชาชนในพื้นที่ โดยทางโครงการมีความประสงค์รับบริจาคตู้ยาจำนวน 300 ตู้ เพื่อกระจายไปให้โรงเรียนใน 3 จังหวัดชายแดน แต่ขณะนี้สามารถจัดหาตู้ยาได้เพียง 100 ตู้ และมีความต้องการเพิ่มอีก 200 ตู้ ดังนั้นทาง ฟาร์แมกซ์จึงร่วมมือกับมูลนิธิเพื่อการวิจัยและพัฒนาระบบยา (วพย.) ในการประชาสัมพันธ์และระดมทุนสนับสนุนโครงการและบริจาคตู้ยา เพื่อช่วยส่งเสริมและผลักดันให้ทางโครงการดังกล่าว สามารถจัดหา ตู้ยาให้ครบจำนวน 300 ตู้ โดยมีตู้รับบริจาคร่วมสบทบทุนเพื่อซื้อตู้ยาที่ฟาร์แมกซ์ทุกสาขาและประชาสัมพันธ์โครงการ ผ่านทางโซเซียลเน็ตเวิร์ค อาทิhttps://www.facebook.com/pharmaxshop, Line@Pharmaxshop , PHARMAX Member care และผ่านช่องทางพันธมิตรต่างๆอีกด้วย
และด้วยจุดแข็งของฟาร์แมกซ์ที่มียาครบเทียบเท่ากับโรงพยาบาลขนาดใหญ่กว่า 5,000 ชนิด และจ่ายยาใหม่คุณภาพดีและโดยเภสัชกรตามหลักวิชาการ พร้อมระบบการจัดการที่ดี ทำให้ฟาร์แมกซ์กลายเป็นผู้นำร้านยาคุณภาพโดยเภสัชกร บนพื้นที่ร้านขนาดใหญ่ ที่ไร้คู่แข็งทางตรงในขณะนี้ โดยจะทยอยเปิดอีก 3 สาขาให้ครบ 11 สาขาภายในปีนี้ และ ครบ 20 สาขา ภายใน 3 ปี โดยใช้งบลงทุนต่อสาขา 5-10 ล้านบาทต่อสาขารวมทุ่มงบกว่า60 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาให้ทั่ว ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ภายใน 3 ปี และขยายสาขาให้คลอบคลุมทั่วประเทศภายใน 5 ปี โดยเน้นกิจกรรมประชาสัมพันธ์ผ่านทางสังคมออนไลน์และกิจกรรม Below the line เป็นหลัก พร้อมทำกิจกรรม CSR ตอบแทนสังคมโดยเน้นการให้ความรู้เบื้องต้นในการใช้ยาแก่โรงเรียน ชุมชน และหน่วยงานต่างๆ อีกทั้งเป็นส่วนหนึ่งในการมอบตู้ยาเพื่อโรงเรียนและชุมชนในชนบทรวมถึงพื้นที่เสี่ยงภัยเพื่อเป็นที่พึ่งของประชาชนยามเจ็บป่วยเบื้องต้นอย่างแท้จริง คาดว่าฟาร์แมกซ์จะเป็นร้านยาในใจประชาชน "เมื่อนึกถึงยาคุณภาพ นึกถึงฟาร์แมกซ์" ภายใน 3ปี ภก.ธัชพล ชลวัฒนสกุล กล่าวทิ้งท้าย