กรุงเทพฯ--29 ต.ค.--Worklink PR
SMART เผยตลาดอิฐมวลเบาความต้องการใช้งานสูง แนวโน้มดี แต่ราคายังสวนทาง แบรนด์ติดตลาด คุณภาพเป็นที่ยอมรับช่วยหนุนยอดขาย ปรับกลยุทธ์ลดต้นทุนรักษาอัตราส่วนกำไร เดินหน้าขยายฐานลูกค้างานรัฐ และงานก่อสร้างนอกภาคอสังหาฯ พร้อมลุยเจาะตลาด CLMV เจรจาขยายช่องทางจำหน่ายกัมพูชา ปักธงเป้ารายได้ปี 58 ไม่ต่ำกว่า 380 ล้านบาท และคาดว่าปี 2559 จะสามารถเติบโต 10% จากการที่ภาครัฐประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ภาคอสังหาฯ
นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) (SMART) ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูงเพื่อใช้ในงานก่อสร้าง และงานกั้นผนังอาคาร เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังแนวโน้มความต้องการใช้งานอิฐมวลเบาปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นผลจากการเร่งงานก่อสร้างโครงการภาคอสังหาริมทรัพย์รูปแบบต่างๆให้แล้วเสร็จ โดยกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ในภาคกลาง ตะวันออก กรุงเทพฯ ปริมณฑล และการเข้ารับงานโครงการของภาครัฐ
อีกทั้ง "SMART บล็อกเย็น" เป็นที่รู้จักและยอมรับในด้านคุณภาพจากผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการผลิตและจำหน่ายในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 5 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
"บริษัทฯมีการพัฒนาคุณภาพสินค้าอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นผู้ผลิตรายแรกของไทยที่ผ่านการทดสอบมาตรฐาน BS5234 จากประเทศอังกฤษ ซึ่งถือเป็นมาตรฐานสูงสุดของอิฐมวลเบา ส่งผลให้ปัจจุบัน SMART บล็อกเย็นเป็นที่ยอมรับและเชื่อถือในด้านคุณภาพจากผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์และผู้รับเหมาก่อสร้างมากขึ้น"นายรังสี กล่าว
อย่างไรก็ตามราคาจำหน่ายอิฐมวลเบาในปีนี้ มีการปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก ส่งผลให้ยอดขายค่อนข้างทรงตัวแม้จะมีปริมาณการจำหน่ายที่สูงขึ้น ซึ่งบริษัทได้มีการศึกษาแนวทางลดต้นทุน ทั้งด้านกระบวนการผลิต วัตถุดิบ และการขนส่ง เพื่อรักษาอัตรากำไรให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังได้มีการขยายฐานลูกค้าออกไปในส่วนของงานภาครัฐและร้านค้าวัสดุก่อสร้าง
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีการศึกษาตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV (พม่า ลาว เวียดนาม กัมพูชา) มากขึ้น เนื่องจากงานก่อสร้างมีการขยายตัวสูง ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯได้ประเดิมเข้าไปทำตลาดในประเทศลาวเป็นอันดับแรก โดยนำสินค้าเข้าผ่านทางดีลเลอร์ในพื้นที่เพื่อทำการจำหน่ายสินค้า และล่าสุดบริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจากับดีลเลอร์ในประเทศกัมพูชา คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 4/58
สำหรับเป้าหมายรายได้ปี 2558 คาดว่าจะมีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 380 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าปีที่แล้วประมาณ 5 % และในปี 2559 คาดว่าจะมีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 420 ล้านบาท เติบโต 10% ซึ่งจะเติบโตมากกว่าปี 2558 โดยเป็นผลมาจากการขยายตลาดไปยังตลาด CLMV และ นโยบายภาครัฐที่ส่งเสริมภาคอสังหาริมทรัพย์ และ จากงบลงทุนของภาครัฐในปี 2559 ซึ่งจะกระตุ้นภาคเอกชนในการลงทุน รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่ค่อนข้างต่ำ