กรุงเทพฯ--29 ต.ค.--ปตท.
ชี้ตรวจพบความผิดปกติขั้นตอนการได้สิทธิสัมปทาน ทั้งนี้ปตท.ได้พยายามรักษามูลค่าของโครงการอย่างเต็มที่ ก่อนดำเนินการระงับการลงทุนด้วยการขายโครงการออกไป และยืนยันว่าการดำเนินการทุกอย่างมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ตามหลักธรรมาภิบาล
นายปิติพันธ์ เทพปฎิมากรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. เปิดเผยถึงกรณีโครงการลงทุนธุรกิจปาล์มน้ำมัน ประเทศอินโดนีเซีย ว่า สืบเนื่องจากมีการตรวจสอบภายในของ ปตท. จนพบความผิดปกติของขั้นตอนการได้มาซึ่งหุ้นบริษัทและสิทธิสัมปทานในพื้นที่ปลูกปาล์ม โครงการของบริษัท ปตท. กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (PTTGE) จึงได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง สอบวินัย และ นำเรื่องส่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รวมทั้งยื่นฟ้องศาลแพ่งเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายต่ออดีตผู้บริหารตามลำดับ ทั้งนี้ ความคืบหน้าในการดำเนินคดีและการตรวจสอบ ปตท.ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากต้องเคารพการดำเนินงานของกระบวนการยุติธรรม ที่อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาคดีในชั้นศาลและ ป.ป.ช.
สำหรับการดำเนินการแก้ไขฟื้นฟูในโครงการปลูกปาล์มทั้ง 5 โครงการ เพื่อให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด คณะผู้บริหารของ PTTGE ชุดปัจจุบัน ได้เข้าไปศึกษาหาแนวทาง ลดค่าใช้จ่าย บริหารพันธะสัญญาต่างๆ และแก้ปัญหาคดีความที่เกิดขึ้นก่อนหน้า รวมไปถึงการบริหารจัดการในพื้นที่ และทรัพยากรบุคคลให้ถูกต้องตามกระบวนการและข้อกฎหมาย
นายปิติพันธ์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้ดำเนินการฟื้นฟู ได้พบว่าโอกาสการสร้างมูลค่าเพิ่มในโครงการมีความเป็นไปได้น้อย ที่สำคัญยังจะมีมูลค่าลดลงตามระยะเวลา เนื่องจากมีข้อจำกัดหลายประการจากสภาพแวดล้อมและศักยภาพลงทุนที่เปลี่ยนไป เช่น รัฐบาลอินโดนีเซียมีการปรับนโยบายการสนับสนุนธุรกิจปาล์มน้ำมัน รวมถึงความไม่เชี่ยวชาญในธุรกิจการเกษตร คณะกรรมการบริหาร ปตท. จึงมีมติให้ขายโครงการทั้งหมด
โดยได้แต่งตั้งบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญดำเนินการจัดประมูลขายตามมาตรฐานสากล ซึ่งได้ติดต่อเชิญ บริษัทต่างๆ ทั้งภายในประเทศอินโดนีเซียและต่างประเทศ เบื้องต้นมีผู้แสดงความสนใจมากกว่า 30 ราย หลังดำเนินการเจรจากับผู้สนใจมานานกว่า 1 ปี PTTGE สามารถขายได้ 3 โครงการ ส่วน 2 โครงการที่เหลือยังอยู่ใน กระบวนการเจรจากับผู้สนใจต่อไป
"ในการดำเนินการด้านกฎหมายและการขาย โครงการตามที่กล่าวมาข้างต้น ปตท. ขอยืนยันว่า เป็นไป ตามหลักการบริหารจัดการธุรกิจของกลุ่ม ปตท. ที่มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ตามหลักธรรมาภิบาล และปฏิบัติตามกฎข้อบังคับของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2551 ที่กำหนดเกี่ยวกับการ ปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการและผู้บริหาร จะต้องเป็นไปด้วยความซื่อสัตย์สุจริตอย่างเคร่งครัด" นายปิติพันธ์ กล่าว
อนึ่ง ปตท. เริ่มลงทุนโครงการปาล์มน้ำมัน ประเทศอินโดนีเซีย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2555ได้พบความผิดปกติเนื่องจากการลงทุนเกิดความเสียหายขึ้น จึงตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เมื่อพบมูลความผิดก็ทำการรวบรวมเอกสารยื่นต่อ ป.ป.ช. ให้เข้าตรวจสอบโครงการในปี พ.ศ. 2556 พร้อมทั้งมีมติให้ ขายโครงการทั้งหมดในปีดังกล่าว