กรุงเทพฯ--30 ต.ค.--ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล
บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ("MINT") ประกาศลงทุนเป็นจำนวนเงิน 45 ล้านเหรียญออสเตรเลีย เพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท ไมเนอร์ ดี เค แอล ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด ("Minor DKL") จากร้อยละ 50 เป็นร้อยละ 70 โดย Minor DKL เป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจร้านอาหารในประเทศออสเตรเลีย ภายใต้ 4 แบรนด์ มียอดขายโดยรวมทุกสาขา จำนวน 540 ล้านเหรียญออสเตรเลีย และมีร้านอาหารจำนวน 440 สาขา ใน 11 ประเทศ ทั้งนี้ การเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในครั้งนี้ เป็นผลให้ MINT สามารถรับรู้ผลการดำเนินงานของ Minor DKL ในงบการเงินรวมของบริษัท ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างการเติบโตของกำไรของ MINT ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวต่อไป
ในปี พ.ศ. 2551 MINT ได้เข้าลงทุนใน Minor DKL โดยเข้าถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 50 ซึ่งในขณะนั้น Minor DKL มีร้านอาหารเพียง 160 สาขาภายใต้แบรนด์ เดอะ คอฟฟี่ คลับ และต่อมา Minor DKL มีการเติบโตแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยมีร้านอาหารเพิ่มขึ้นจาก 160 สาขา เป็นกว่า 440 สาขา และมียอดขายโดยรวมทุกสาขาเพิ่มขึ้นจาก 150 ล้านเหรียญออสเตรเลีย เป็น 540 ล้านเหรียญออสเตรเลีย นอกจากนี้ Minor DKL ได้ขยายแบรนด์ในเครือ ซึ่งในปัจจุบันมีทั้งสิ้น 4 แบรนด์ ได้แก่ เดอะ คอฟฟี่ คลับ, ริบส์ แอนด์ รัมส์, เดอะ กรู๊ฟ เทรน และ คอฟฟี่ ฮิต และได้เข้าซื้อกิจการ เวเนเซียโน คอฟฟี่ โรสเตอร์ ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจโรงคั่วเมล็ดกาแฟแบบพิเศษ โดยผลิตเมล็ดกาแฟสดคั่วกว่า 1,500 ตันต่อปี ให้กับลูกค้าส่งและปลีกทั่วประเทศออสเตรเลีย นายพอล เคนนี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป กล่าวว่า "การลงทุนในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของบริษัทในประเทศออสเตรเลียและในศักยภาพของแบรนด์ต่างๆ ภายใต้ Minor DKL ทั้งนี้ ด้วยขนาดของกิจการ ณ ปัจจุบัน Minor DKL มีความพร้อมที่จะพัฒนาไปอีกระดับ และด้วยการเข้าเป็นผู้ถือหุ้นหลักและการสนับสนุนจาก MINT จะส่งผลให้ Minor DKL ได้ประโยชน์จากระบบการดำเนินงานระดับสากล ระบบการปฏิบัติงานที่เป็นเลิศ การจัดการระบบการจัดซื้อและกระจายสินค้า การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการบริหารแฟรนไชส์ในระดับสากลของเรา โดยผู้ก่อตั้งเดิมจะยังคงถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 30 ใน Minor DKL และคงตำแหน่งกรรมการของบริษัท MINT รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่พันธมิตรทางธุรกิจที่ผ่านมาได้ส่งผลให้ Minor DKL ประสบความสำเร็จมาจนถึงปัจจุบัน และเรามุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับผู้ก่อตั้ง ในการพัฒนา Minor DKL ในอนาคตต่อไป"