กรุงเทพฯ--27 ก.ย.--ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต
ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ตผนึกกำลังกับสองสถาบันการศึกษา ประกาศย้ำความเป็นผู้นำด้านความปลอดภัยทางอาหาร โดยได้มีการลงนามในหนังสือตกลงเพื่อความเข้าใจร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยวาเกนนิงเกนแห่งประเทศเนเธอร์แลนด์ (Wageningen University) เมื่อเร็วๆนี้ เพื่อจัดโครงการฝึกอบรมหลักสูตรการบริหารจัดการห่วงโซ่เกษตร ในช่วงเดือนกันยายน - พฤศจิกายน 2544 นี้
หลักสูตรการบริหารจัดการห่วงโซ่เกษตร เกิดจากความร่วมมือของทั้งสามฝ่ายอันได้แก่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยวาเกนนิงเกน และ ท็อปส์ ซึ่งเป็นหลักสูตรที่พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะเพื่อให้ครอบคลุมเกี่ยวกับการบริหารจัดการห่วงโซ่เกษตรในทุกแง่มุม ตั้งแต่เรื่องความปลอดภัยทางอาหารจนถึงเรื่องการกระจายสินค้าและการควบคุมต้นทุน โดยจะมีวิทยากรจากทั้ง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยวาเกนนิงเกน รวมทั้งจากภาคเอกชนได้แก่ บริษัท ซีอาร์ซี เอโฮลด์ จำกัด และบริษัทชั้นนำอื่นๆ ที่มีบทบาทสำคัญด้านห่วงโซ่เกษตรในประเทศไทย เป็นผู้บรรยายและถ่ายทอดประสบการณ์และ ความชำนาญเฉพาะทางให้แก่ผู้เข้ารับการอบรม นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งกองทุนเพื่อให้หลักสูตรนี้สามารถจัดขึ้นได้อีก เพื่อให้เกิดการพัฒนาทางความรู้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งขยายขอบข่ายความร่วมมือให้กว้างยิ่งขึ้น
วัตถุประสงค์หลักทางการจัดหลักสูตรการอบรมครั้งนี้ เพื่อยกระดับความรู้ความเข้าใจ ในหลักการทางระบบห่วงโซ่เกษตร ซึ่งนับเป็นหนึ่งในภารกิจหลักของ ท็อปส์ ที่จะส่งเสริมพัฒนาด้านคุณภาพ ความสด และความปลอดภัยทางอาหาร ที่วางจำหน่ายให้กับลูกค้าของ ท็อปส์ ทั้ง 40 สาขาทั่วประเทศ ท็อปส์ เป็นผู้ริเริ่มโครงการห่วงโซ่เกษตรนี้ กับเกษตรกรและซัพพลายเออร์ที่ส่งผักและผลไม้ให้แก่ ท็อปส์ โดยมุ่งเน้นการลดปริมาณการใช้ยาฆ่าแมลงและสารกำจัดศัตรูพืช รวมทั้งกระตุ้นและพัฒนาระบบห่วงโซ่เกษตรทั่วประเทศไทย โดยมีเกษตรผู้เข้าร่วมโครงการนี้กว่า 40 ราย ซึ่งสามารถปฏิบัติตามมาตรฐานที่เคร่งครัดได้อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องในช่วง 2 ปี ที่ผ่านมา ท็อปส์ ยังได้มีการสร้างแรงจูงใจ ให้เกษตรกรและผู้ผลิตมีการใช้สารเคมีทางการเกษตรอย่างเหมาะสมและ เกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งให้มีการปรับปรุง ระบบการประกันคุณภาพ และขั้นตอนการรับรองความปลอดภัย ซึ่งคาดว่าภายในปี 2544 นี้ จะมีเกษตรและผู้ผลิตที่ผ่านการรับรองจากกรมวิชาการเกษตรเพิ่มขึ้นเป็น 60 ราย
ด้วยมุ่งมั่นที่จะทุ่มเทด้านความปลอดภัยทางอาหาร ท็อปส์ได้จัดตั้ง " เวิล์ดเฟรช " (ศูนย์แปรรูปและกระจายสินค้าอาหารสด) เมื่อปี พ.ศ. 2541 ซึ่งเป็นการสร้างความแข็งแกร่งและเป็นผู้นำด้านการแปรรูปและกระจายสินค้าอาหารสด ศูนย์แห่งนี้มุ่งเน้นที่จะเพิ่มประสิทธิภาพทางการกระจายสินค้าโดยทำหน้าที่รับสินค้าจากซัพพลายเออร์ แล้วกระจายให้กับสาขาของท็อปส์ทั่วประเทศ ซึ่งนับเป็นการแบ่งเบาภาระของแต่ละสาขาในการควบคุมคุณภาพและการควบคุมสต็อกสินค้า ด้วยพื้นที่ 5,000 ตารางเมตร ศูนย์กระจายสินค้าอาหารสดสามารถส่งสินค้ามากกว่า 300,000 ตระกร้าต่อเดือน โดยควบคุมสต็อคได้น้อยกว่า 2 วัน และยังคงระดับการให้บริการ (Service Level) ได้กว่า 97 % นับเป็นส่วนที่สำคัญที่ทำให้ท็อปส์สามารถยกระดับมาตรฐานคุณภาพความสด และความปลอดภัยทางอาหาร ที่บริการแก่ลูกค้าทั่วประเทศ
คุณฮาร์รี่ บราวนิกส์ ประธานบริหารของท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต กล่าวว่า " เราเชื่อมั่นว่าการริเริ่มและมีส่วนในโครงการอบรมหลักสูตรการบริหารห่วงโซ่เกษตรนี้ ในท้ายที่สุดจะเกิดประโยชน์กับผู้บริโภค ที่จะได้บริโภคอาหารที่มีความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายให้ความสำคัญอย่างยิ่งในขณะนี้และ เราได้ทุ่มเทอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด สำหรับ ท็อปส์ เราต้องการเป็นสื่อกลางในการประสานความร่วมมือกับผู้ค้าปลีกรายอื่นในประเทศไทยในการนำความรู้ (Know How) เกี่ยวกับการบริหารห่วงโซ่เกษตรในทั่วโลกมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในประเทศไทย "
โครงการบริหารห่วงโซ่เกษตรนี้ ยังได้รับการสนับสนุนจากสถานทูตเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทยโดยร่วมมือใกล้ชิดกับกรมวิชาการเกษตร นอกจากนี้ยังมีสถาบัน KLICT ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในเรื่องการจัดการระบบห่วงโซ่ของประเทศเนเธอร์แลนด์ บริษัทซินเจนต้า (Syngenta) แห่งสวิสเซอร์แลนด์ ธนาคารราโบแบงค์ (Rabobank International) รวมทั้งสถาบันวิจัยเศรษฐศาสตร์การเกษตร (LEI) แห่งเนเธอร์แลนด์ คณะกรรมการบริหารซึ่งประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานดังกล่าว ได้อนุมัติอย่างเป็นทางการที่จะสนับสนุนโครงการห่วงโซ่เกษตรนี้ ทั้งในรูปแบบของเงินทุนและผู้เชี่ยวชาญ
ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตครบวงจรที่มีสินค้าหลากหลายทั้ง ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ อาหารทะเล สินค้าอุปโภคบริโภค ผลิตภัณฑ์นม และเบเกอรี่อีกทั้งยังมีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศและสินค้าตราท็อปส์ที่ "คุ้มค่า ประหยัดกว่า" ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ดำเนินการโดยบริษัท ซีอาร์ซี เอโฮลด์ จำกัด เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น และ รอยัล เอโฮลด์ ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกอาหารระหว่างประเทศมีสาขาถึง 8,500 สาขา ใน 25 ประเทศ และยอดขายปี 2543 กว่า 50,000 ล้านเหรียญ--จบ--
-สส-