กรุงเทพฯ--3 พ.ย.--Media Plus
มหกรรมแข่งขันจักรยานทางไกลฯ สเตจ 2 นครพนม-มุกดาหาร ยังได้รับความสนใจจากนักปั่นทั้งชาวไทย-ต่างชาติ แข่งชิงถ้วยพระราชทาน พร้อมชื่นชมทัศนียภาพและสถานที่สำคัญ ขณะที่ นักท่องเที่ยวร่วมลุ้น- จับภาพ ขณะจักรยานแล่นผ่านพระธาตุพนม
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดมหกรรมการแข่งขันจักรยานทางไกลประเทศไทย ตอน "นักปั่นลุ่มน้ำโขง" ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม - 1 พฤศจิกายน 2558 โดยในวันนี้ (31 ต.ค.) เริ่มปั่น สเตจ 2 เส้นทางนครพนม-มุกดาหาร ระยะทาง 99.2 กิโลเมตร มีนายไพฑูรย์ รักษ์ประเทศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ทำการปล่อยตัวนักปั่นจำนวน 211 คน ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจาก 17 ประเทศ อาทิ อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี รัสเซีย สิงคโปร์ เกาหลี มาเลเซีย และ ลาว โดยเริ่มปล่อยตัวที่ลานตะวันเบิกฟ้า จังหวัดนครพนม ซึ่งติดริมแม่น้ำโขง ปั่นตามเส้นทางถนนทางหลวงหมายเลข 212 มุ่งหน้าสู่จังหวัดมุกดาหาร ตลอดเส้นทางนักปั่นจะได้สัมผัสบรรยากาศริมฝั่งโขง วิถีท้องถิ่นของชาวอีสาน และเห็นทิวทัศน์ ซึ่งขณะนี้เต็มไปด้วยท้องทุ่งนาสีทอง อีกทั้ง ต้องปั่นบนความท้าทายจากเส้นทางที่มีความโค้งและลาดชันมากขึ้น ซึ่งจุดไฮไลท์อยู่ที่การปั่นผ่านหน้าพระธาตุพนม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัด และเข้าเส้นชัยที่โรงเรียนมุกดาหารวิทยานุกูล จังหวัดมุกดาหาร โดยที่จุดชมวิวสุดท้ายของนักปั่นอยู่ที่สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 ทั้งนี้ ระหว่างนักปั่นปั่นผ่านจุดสำคัญ อาทิ พระธาตุพนม ต่างได้รับความสนใจและเสียงปรบมือจากนักท่องเที่ยว
สำหรับผลการแข่งขันในสเตจ 2 ปรากฏว่า ผู้ชนะ ประเภททีม ยังคงเป็น ทีมตำรวจ ทำเวลาไป 6.40.22.9 ประเภท เสือหมอบ ชายโอเพ่น กฤษฎา ช่างปัด เข้าเป็นลำดับที่ 1 ขณะที่ ศราวุธ ศิริรณชัย แชมป์ในสเตจ 1 วันนี้เข้าเป็นลำดับ 3 ส่วนประเภทเสือหมอบ หญิง โอเพ่น ได้แก่ เพชรดารินทร์ สมราช ส่วน ศุภัคษร นันตะนะ วันนี้ตกไปอยู่ลำดับที่ 7 ประเภทเสือภูเขา หญิง โอเพ่น ยังคงเป็นของ ส.ต.ต. หญิง กฤติกา ศิลาพัฒน์ เข้าเป็นลำดับที่ 1 ขณะที่ฝ่ายชาย เป็นของ นายปฐมภพ พลอาจทัน ส่วนนายธวัชชัย แสงสิงแก้ว ในวันนี้ตกลงไปอยู่ในลำดับที่ 6
สำหรับการแข่งขันในวันสุดท้าย (1 พ.ย.) สเตจ 3 เส้นทางมุกดาหาร-ภูมโนรมย์ ระยะทาง 31.4 กม. ซึ่งการปั่นเส้นทางนี้จะมีความท้าทายมากขึ้น เพราะนักปั่นทั้งหมดจะต้องปั่นจักรยานขึ้นภู ทั้งนี้ คาดว่า ในสเตจนี้นักปั่นแข่งกันอย่างขับเคี่ยวและทำเวลากันอย่างสูสี เพื่อทำเวลาให้ดีที่สุด เนื่องจากเป็นสนามสุดท้าย ซึ่งผู้ชนะที่ทำเวลารวมดีที่สุดทั้ง 3 สเตจ จะได้รับถ้วยพระราชทานของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร