กรุงเทพฯ--23 พ.ย.--กฟผ.
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) หวั่นหากโรงไฟฟ้าบ่อนอกหินกรูดก่อสร้างไม่ได้ อาจเกิดปัญหาไฟฟ้าขาดแคลน เตรียมแผนสร้างโรงไฟฟ้าที่ทับสะแกแทน ซึ่งใช้เชื้อเพลิงถ่านหินเช่นกัน พร้อมยืนยันสะอาด ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม
นายวิทยา คชรักษ์ ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวว่า ในอีก ๔-๕ ปีข้างหน้าความต้องการใช้ไฟฟ้า คาดว่าจะขยายตัวประมาณร้อยละ ๖ ต่อปี ซึ่งตามแผนพัฒนากำลังไฟฟ้า (พีดีพี) ทาง กฟผ. ได้เตรียมแผนการผลิตและการซื้อไฟฟ้าได้อย่างพอเพียง โดยกำลังไฟฟ้าที่จะเข้ามาเป็นหลัก คือ โครงการผลิตไฟฟ้าจากภาคเอกชนรายใหญ่ (ไอพีพี) เช่น โรงไฟฟ้าที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทั้งโรงไฟฟ้าบ่อนอก และโรงไฟฟ้าหินกรูด ซึ่งในขณะนี้ กฟผ. ยังเชื่อว่าโรงไฟฟ้าทั้ง ๒ แห่งน่าจะก่อสร้างได้ เพราะคณะรัฐมนตรีมีมติให้ก่อสร้างแล้วเพียงแต่ให้ทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เพิ่มเติม “อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ หลายฝ่ายเป็นห่วงว่า โรงไฟฟ้าหินกรูด-บ่อนอก อาจจะก่อสร้างไม่ได้ และอาจจะส่งผลกระทบทำให้ไฟฟ้าขาดแคลนใน ๕ ปีข้างหน้า ถึงแม้ว่า กฟผ. จะเชื่อว่าโครงการดังกล่าวน่าจะเกิดขึ้นได้แต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยหากโรงไฟฟ้า ๒ แห่งสร้างไม่ได้ภายใน ๒ ปี ก็ต้องใช้แผนสำรองคือการก่อสร้างโรงไฟฟ้าทับสะแก จังหวัดประจวบคีรี- ขันธ์” นายวิทยา กล่าว
นายวิทยา กล่าวว่า โครงการโรงไฟฟ้าทับสะแกเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินนำเข้ากำมะถันต่ำเช่นเดียวกับโรงไฟฟ้าบ่อนอก-หินกรูด มีมาตรฐานการป้องกันสิ่งแวดล้อมเช่นเดียวกัน ซึ่งยืนยันได้ว่าจะไม่เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม เพราะทุกโรงไฟฟ้าล้วนปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม คือ จะต้องปล่อยฝุ่นควันออกจากปล่องโรงไฟฟ้าได้ไม่เกิน ๓๒๐ พีพีเอ็ม อย่างไรก็ตาม กฟผ. อยู่ในระหว่างการที่จะแปรรูป ดังนั้น กฟผ.จะก่อสร้างโรงไฟฟ้าทับสะแก ซึ่งมีกำลังผลิต ๒,๐๐๐ เมกะวัตต์ ได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาล
ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าบ่อนอกมีกำลังผลิตประมาณ ๗,๐๐๐ เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าหินกรูด ๑,๔๐๐ เมกะวัตต์ โดยในปีนี้ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีค) ของประเทศอยู่ที่ ๑๕,๒๕๔ เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ ๑๑.๒๔ มีสำรองไฟฟ้าร้อยละ ๔๐ แต่ในปี ๒๕๔๘ คาดว่าพีคจะอยู่ในระดับ ๒๐,๘๑๘ เมกะวัตต์ หากไม่มีโครงการโรงไฟฟ้าใหม่เข้ามา ไฟฟ้าจะเกิดปัญหาการขาดแคลน--จบ--
-สส-