TNP เตรียมเคาะราคาไอพีโอเร็วๆ นี้ เน้นระดมทุนสร้างศูนย์กระจายสินค้าเพื่อรองรับการขยายธุรกิจ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 4, 2015 13:50 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--4 พ.ย.--IRPlus TNP มั่นใจร้านค้าปลีกท้องถิ่นไทยแกร่ง หลังนำเสนอข้อมูลต่อนักวิเคราะห์ โรดโชว์นักลงทุน และสื่อมวลชนให้ความสนใจคึกคัก เตรียมเคาะราคา IPO จำนวน 200 ล้านหุ้น เร็วๆนี้ โดยโบรกฯ ให้ราคาเหมาะสม 2.20-2.50 บ./หุ้น และคาดว่าจะกำหนดวันจองซื้อพร้อมเข้าเทรดใน mai ช่วงกลางเดือน พ.ย. โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนนำไปใช้ก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้า – ขยายสาขาใหม่ - ชำระเงินกู้ยืม ส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน หนุนศักยภาพธุรกิจไทยเติบโตยั่งยืนในอนาคต นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย หุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ของบริษัท ธนพิริยะ จำกัด(มหาชน) หรือ TNP เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมา TNP ได้เดินหน้านำเสนอข้อมูลต่อนักวิเคราะห์ และจัดงานนำเสนอข้อมูลต่อนักลงทุน 4 จังหวัด ได้แก่ หาดใหญ่ กรุงเทพฯ เชียงราย และเชียงใหม่ ปรากฏว่า ได้รับการตอบรับและความเชื่อมั่นเป็นอย่างดีจากทั้งนักลงทุนรายบุคคลและ สถาบัน สะท้อนความเชื่อมั่นในธุรกิจ และศักยภาพในการแข่งขันเพื่อเติบโตแข็งแกร่งต่อไป พร้อมทั้ง เตรียมกำหนดราคาเสนอขายหุ้นไอพีโอของ TNP และเซ็นสัญญาแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2558 โดยคาดว่าจะมีการเปิดจองซื้อหุ้นไอพีโอและเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในสัปดาห์ที่ 3 เดือนพฤศจิกายนนี้ "เราเชื่อมั่นว่า TNP จะเป็นหุ้นน้องใหม่อีกตัวหนึ่ง ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน เห็นได้จากกระแสตอบรับจากการให้ข้อมูลต่อนักวิเคราะห์ และนักลงทุนในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เห็นศักยภาพทางธุรกิจ และโอกาสการเติบโตอย่างต่อเนื่องของร้านค้าปลีกท้องถิ่นไทย ขณะที่บทวิเคราะห์ได้ประเมินราคาเหมาะสม TNP อยู่ในช่วงระหว่าง 2.20-2.50 บาท ซึ่งโดยปกติหุ้นไอพีโอจะมีส่วนลดจูงใจให้นักลงทุนอยู่แล้ว แต่จะอยู่ที่อัตราส่วนเท่าไหร่นั้น ต้องขอพิจารณาและดูความเหมาะสมก่อน" นายรัฐชัย กล่าว นายธวัชชัย พุฒิพิริยะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้า อุปโภคบริโภคในจังหวัดเชียงราย อีกทั้ง เป็นธุรกิจค้าปลีกของคนไทยรายแรกที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บริษัทฯ จะเสนอขายหุ้นไอพีโอจำนวน 200 ล้านหุ้นมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.25 บาท เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ จะนำไปสร้างศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ ที่อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย จำนวนประมาณ 150-200 ล้านบาท , ใช้เป็นเงินทุนในการขยายสาขา เพื่อขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าไปยังอำเภอต่างๆ ซึ่งตั้งเป้าหมายจะขยายสาขาในปี 2559 จำนวน 3 สาขา จากสิ้นปี 2558 มีจำนวน 12 สาขา และส่วนที่เหลือจะนำไปใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ โดยเงินกู้ยืมส่วนใหญ่ของบริษัทฯ เป็นเงินกู้ยืมระยะสั้น ซึ่งภายหลังการชำระคืนหนี้บางส่วนจะส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระ ดอกเบี้ยต่อทุนต่ำกว่า 0.5 เท่า ซึ่งเป็นตัวเลข ณ 30 มิถุนายน 2558 ด้าน เภสัชกรหญิงอมร พุฒิพิริยะ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากโมเดลธุรกิจที่วางไว้มีความแตกต่างและสามารถแข่งขันได้ในสภาวะที่ ธุรกิจค้าปลีกมีการแข่งขันที่รุนแรง อีกทั้ง การบริหารจัดการภายในที่มีมาตรฐานและมีประสิทธิภาพ และจากการขับเคลื่อนของการเปิดสาขาใหม่ สนับสนุนรายได้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2555 – 2557) บริษัทฯ มีการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 12.9 และเชื่อมั่นว่า ในปีนี้ บริษัทฯ จะมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องอีก อย่างไรก็ตาม หลังจากบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ และมีการเปิดใช้ศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในไตรมาส 3/2559 มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 8,000 – 10,000 ตารางเมตร ซึ่งคาดว่าจะจะส่งผลให้บริษัทฯมีต้นทุนการบริหารจัดการบางส่วนลดลง และมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เตรียมพร้อมรับโอกาสในการขยายสาขาต่อไป ซึ่งจะเน้นพื้นที่ในจังหวัดเชียงรายก่อนที่จะขยายไปยังจังหวัดใกล้เคียง เพื่อการเติบโตของธุรกิจค้าปลีกท้องถิ่นคนไทยต่อไป อีกทั้ง หลังจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เชื่อว่า จะเป็นอีกปัจจัยสนับสนุนการท่องเที่ยวในเชียงราย และเพิ่มการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคให้คึกคัก ซึ่งน่าจะส่งผลกับภาพรวมธุรกิจค้าปลีกค้าส่งให้เติบโตยิ่งขึ้น สำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2558 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 633.6 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 14.8 ล้านบาท และเมื่อสิ้นปี 2557 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,202 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 45.4 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายรักษาระดับรายได้และกำไรสุทธิให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ