กรุงเทพฯ--5 พ.ย.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทิจีส์
ในช่วงปีที่ผ่านมา เทรนด์การลงทุนเพื่อเป็นเจ้าของกิจการเริ่มเป็นที่นิยมกันมาก สังเกตได้ว่า ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SME มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตามติดด้วยการแข่งขันที่สูงขึ้นจนกลายเป็นความท้าทายสำหรับนักลงทุนที่ต้องคิดอย่างรอบคอบและถี่ถ้วนมากขึ้นก่อนตัดสินใจ ด้วยเหตุนี้ การลงทุนในธุรกิจที่มีความมั่นคงในระยะยาวจึงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่นักลงทุนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญ และหนึ่งในธุรกิจที่มีความน่าสนใจคือ ธุรกิจค้าปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง
"ในช่วงที่ผ่านมา เชลล์ มีการขยายสถานีบริการทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง เพราะเรามองเห็นโอกาสในตลาดประเทศไทยที่ยังมีอยู่อีกมาก หนึ่งในนั้นคือการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งประเทศไทยตั้งอยู่ในจุดที่ได้เปรียบ เพราะว่าเป็นหนึ่งในจุดศูนย์กลางการขนส่ง จึงสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับเจ้าของสถานีบริการน้ำมันเชลล์อย่างมาก" นายปณต ไตรโรจน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดค้าปลีก บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าว
เชลล์ยังคงเดินหน้าตามเป้าหมายที่ต้องการเปิดสถานีบริการน้ำมันใหม่ให้ได้ปีละ 30 สถานี โดยหลังจากที่ได้ประกาศทิศทางธุรกิจไปนั้น ปรากฏว่ามีผู้สนใจติดต่อเข้ามาเพื่อลงทุนเป็นผู้บริหารสถานีบริการน้ำมันมากกว่าที่เชลล์คาดการณ์ไว้ เหตุผลส่วนหนึ่งมาจากการที่เชลล์มีระบบสนับสนุนผู้ลงทุนตั้งแต่ขั้นตอนของการสำรวจพื้นที่ ไปจนถึงการจัดอบรมทั้งพนักงาน และผู้บริหาร เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และประสบความสำเร็จในระยะยาว
"หลายท่านคิดว่าการเป็นเจ้าของสถานีบริการน้ำมันนั้นเป็นเรื่องยากและไกลตัว แต่ด้วยความที่เราเป็นบริษัทระดับโลก จึงมีระบบที่สนับสนุนผู้ลงทุน ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงวันเปิดให้บริการ ตั้งแต่การสำรวจและการจัดการ ตลาดของแต่ละพื้นที่ ที่ประเมินได้เบื้องต้นว่าบริเวณที่ผู้ลงทุนต้องการเปิดสถานีนั้น มีความเป็นไปได้มากน้อยเท่าใด หลังจากนั้น เมื่อสรุปได้แล้วว่าจะมีการเปิดสถานีบริการ เราก็มีทีมงานที่จะเข้าไปอบรมให้กับพนักงานทุกตำแหน่ง ตั้งแต่พนักงานเติมน้ำมัน ไปจนถึงผู้บริหารสถานี เพื่อส่งมอบประสบการณ์การให้บริการมาตรฐานระดับโลกแก่ลูกค้าของเรา นอกจากนี้ เรายังมีผู้จัดการเขตที่จะเข้าเยี่ยมที่สถานีอย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อรับทราบความคืบหน้าของการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนให้คำแนะนำทางธุรกิจเพื่อให้ธุรกิจสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้" นายปณต กล่าวเสริม
แม้ชื่อธุรกิจจะเป็น สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง แต่ในความเป็นจริง ผู้ลงทุนสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจเพิ่มเติมโดยการเพิ่มรายได้จากการเปิดให้บริการที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น ร้านกาแฟ ร้านสะดวกซื้อ บริการล้างรถ ไปจนถึง ศูนย์เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง Shell Helix Oil Change+ (เชลล์ เฮลิกส์ ออยล์ เชนจ์ พลัส) ซึ่งเชลล์เป็นผู้ริเริ่มและครองตลาดศูนย์เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องในสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศไทยมานานกว่า 15 ปี อีกด้วย
ในยุคที่สภาพเศรษฐกิจทำให้โลกหมุนเร็วกว่าที่เคยเป็นมา ความท้าทายในการทำธุรกิจเป็นโจทย์ข้อบังคับที่ทำให้ผู้ประกอบการต้องเดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ผู้ที่คว้าโอกาสก่อนย่อมได้เปรียบกว่าเสมอ ดังนั้น ธุรกิจค้าปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง ที่มีทีมงานมืออาชีพและมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจระดับโลกคอยดูแลช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด ทำให้การตัดสินใจเป็นเจ้าของธุรกิจระดับโลก จึงกลายเป็นเรื่องง่ายกว่าที่คิดจริงๆ
ผู้สนใจในธุรกิจค้าปลีกกับเชลล์ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.shell.co.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการลูกค้า โทรศัพท์ 0-2657-9888