"บริการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินทางอากาศ - SOS AIR RESCUE"

ข่าวทั่วไป Monday July 30, 2001 15:43 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--30 ก.ค.--เอสโอเอส
เอสโอสเอส (SOS) - ยักษ์ใหญ่ระดับโลกแห่งธุรกิจบริการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินด้านการแพทย์ประกาศติดปีกเตรียมเหินฟ้ามุ่งขยายฐานศักยภาพ "บริการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินทางอากาศ - SOS AIR RESCUE"
วงการธุรกิจบริการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินด้านการแพทย์ในประเทศไทยต้องตื่นตะลึงกันอีกครั้งเมื่อ บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศเปิดตัวบริการใหม่ที่มีชื่อว่า "บริการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินทางอากาศ" หรือ "SOS AIR RESCUE" ขึ้นในวันนี้ (หมายเหตุ : วันพุธที่ 25 กรกฎาคม 2544) ณ. โรงแรมมิราเคิลแกรนด์คอนเวนชั่น โดยนายพิพัฒน์ คณานุวัฒน์ (ผู้จัดการทั่วไป) ได้กล่าวถึงแรงบันดาลใจที่จุดประกายให้เอสโอเอสมุ่งพัฒนาบริการดังกล่าวขึ้นว่า "มนุษย์ทุกคนย่อมคำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตและสุขภาพของตนและคนที่ตนรักเป็นหลักก่อนตัดสินใจทำเรื่องใดๆลงไปไม่ว่าพวกเขาจะเป็นคนเชื้อชาติใดก็ตาม คงไม่มีผู้ใดปรารถนาที่จะประสบเหตุการณ์อันเลวร้ายซึ่งอาจนำอันตรายมาสู่ชีวิตของตนและครอบครัวได้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครรับประกันได้ว่าเหตุการณ์วิกฤตต่างๆจะไม่มีวันเกิดขึ้นกับตัวเอง และหากเหตุการณ์เช่นนั้นได้เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในสถานที่ซึ่งเราไม่รู้จักหรือคุ้นเคย คงไม่มีผู้ใดต้องการเข้ารับการรักษาตัวในสถานพยาบาลที่เราไม่มั่นใจในคุณภาพ ซึ่งหากเรามีโอกาสที่จะเลือกได้ ณ. วินาทีนั้น ทุกคนคงเลือกที่จะเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลซึ่งเพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐานและทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากกว่า และนี่เองที่จุดประกายให้เอสโอเอสมุ่งพัฒนา "บริการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินทางอากาศ" ขึ้นเพื่อให้สามารถเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินไปยังสถานพยาบาลที่ดีที่สุดด้วยความเร็วสูงสุดได้"
"SOS AIR RESCUE" หรือ "บริการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินทางอากาศ" เป็นบริการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินทางด้านการแพทย์ที่พร้อมปฎิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่มีวันหยุดเพื่อสมาชิกของเอสโอเอสและบุคคลทั่วไปที่ต้องการความช่วยเหลือ โดยตามปกติ หากสมาชิกของเอสโอเอสต้องประสบกับอุบัติเหตุหรือเกิดการเจ็บป่วยในสถานที่ต่างๆ ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเอสโอเอสจะคอยประสานงานกับสถานพยาบาลทั้งในและนอกประเทศไทยที่รับสมาชิกของเอสโอเอสเข้าทำการรักษาเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาพยาบาลที่ดีที่สุดพร้อมความปลอดภัยสูงสุดตามหลักวิชาการ แต่ถ้าหากผู้ประสบภัยต้องการที่จะกลับมารักษาตัวในสถานพยาบาลที่ตนมั่นใจในกรุงเทพฯหรือภูมิลำเนาเดิม ทางเอสโอเอสก็สามารถจัดเตรียมการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินได้จากทุกมุมโลกด้วยยานพาหนะทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินทางอากาศที่สามารถส่งผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลที่พวกเขาต้องการได้เร็วที่สุดโดยมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ครบครันพร้อมทีมแพทย์และพยาบาลผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การบินคอยช่วยเหลือ ทั้งนี้ยานพาหนะสำหรับการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินทางอากาศของเอสโอเอสก็มีตั้งแต่ เครื่องบินเหมาลำ, สายการบินพาณิชย์ ไปจนถึง เฮลิคอปเตอร์
นายพิพัฒน์ คณานุวัฒน์ ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการถือกำเนิดของเอสโอเอสว่า "บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส จำกัด ได้เริ่มก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกในปีพ.ศ. 2517 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และได้ขยายฐานธุรกิจมายังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคในปีพ.ศ. 2528 จากนั้นบริษัทเอสโอเอสก็ได้เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดจนได้ขยายฐานไปยังทวีปยุโรป, ตะวันออกกลาง และ อัฟริกาในเวลาต่อมาด้วยการควบกิจการกับทาง บริษัท Delta Consulting จำกัด, บริษัท SAMI จำกัด และบริษัท MRI International จำกัด ตามลำดับ จนกลายเป็นเป็นบริษัทให้บริการความช่วยเหลือฉุกเฉินทางด้านการแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในปัจจุบัน"
นอกจากนี้ นายพิพัฒน์ คณานุวัฒน์ ยังได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครือข่ายศูนย์รับแจ้งเหตุของเอสโอเอสว่า ทางบริษัทมีศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินซึ่งปฏิบัติงานกันตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่มีวันหยุดอยู่ทั้งหมด 25 ศูนย์ใน 42 ประเทศทั่วโลก พร้อมด้วยทีมแพทย์ 250 คน, บุคลากรทางการแพทย์ 500 คน และผู้ชำนาญการอีกกว่า 1,850 คน ซึ่งสามารถสื่อสารได้มากกว่า 40 ภาษา ทำให้การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินทางอากาศเพื่อส่งให้ผู้ป่วยได้เข้ารับการรักษาตัวในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยที่สุด โดยแต่ละปีทางเอสโอเอสได้ให้บริการดังกล่าวแก่สมาชิกมากกว่า 12,000 รายต่อปี หรือเฉลี่ยแล้วเท่ากับ 4 รายใน 3 ชั่วโมง
ส่วนเรื่องรายละเอียดด้านเครือข่ายสถานพยาบาลของเอสโอเอสนั้น นายพิพัฒน์ คณานุวัฒน์ ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมไว้ดังนี้คือ "ทางเอสโอเอสมีเครือข่ายสถานพยาบาลมากกว่า 450,000 แห่งทั่วโลกที่สมาชิกหรือผู้ประสบภัยสามารถเลือกใช้บริการได้ และเราขอยืนยันว่าสถานพยาบาลเหล่านี้สามารถให้บริการที่ดีที่สุดกับสมาชิกของเอสโอเอสและผู้ประสบภัยที่เอสโอเอสได้นำส่งเพื่อเข้ารับการรักษาตัว"
ต่อมา นายแพทย์ กัลวา ซิงห์ ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระดับอาวุโสของเอสโอเอส ได้ออกมาอธิบายถึงขั้นตอนการให้บริการกับสมาชิกหรือผู้ประสบภัยว่า ขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดเมื่อเกิดเหตุร้ายขึ้นกับสมาชิกของเอสโอเอสก็คือการนำตัวผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลที่ใกล้ที่สุดให้เร็วที่สุด จากนั้นหากผู้ป่วยหรือญาติไม่สามารถสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลได้ไม่ว่าจะเนื่องจากอุปสรรคทางด้านภาษาหรือการไม่เข้าใจศัพท์ทางการแพทย์ที่แพทย์ใช้ก็ตาม ทางเอสโอเอสก็จะจัดหาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของบริษัทซึ่งสามารถสื่อสารกับแพทย์เจ้าของไข้ได้เข้ามาพูดคุยปรึกษาเพื่อให้รู้ถึงสภาวะที่แท้จริงของผู้ป่วย พร้อมประเมินศักยภาพของโรงพยาบาลที่ทำการรักษาไปพร้อมๆ กัน ทั้งนี้การปรึกษาดังกล่าวสามารถทำได้ทางโทรศัพท์ หรือที่เรียกว่า Conference Call
นอกจากนั้นนายแพทย์ กัลวา ซิงห์ ยังได้อธิบายต่อว่า หลังจากที่ทีมแพทย์ของเอสโอเอสได้รับทราบข้อมูลครบถ้วนแล้ว พวกเขาก็จะพูดคุยปรึกษากับแพทย์เจ้าของไข้อีกครั้งและจะขอให้ช่วยทำการรักษาสมาชิกของเอสโอเอสตามที่ทีมแพทย์ของบริษัทกำหนด จากนั้นเมื่ออาการของผู้ป่วยเริ่มคงที่และพร้อมสำหรับการเคลื่อนย้ายฉุกเฉินทางอากาศแล้ว ทีมแพทย์จะเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการเคลื่อนย้ายเช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ, เครื่องวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ, เครื่องวัดความดันโลหิต, เครื่องช่วยหายใจ, เครื่องดูดเสมหะ, ก๊าซออกซิเจน รวมถึง เตียงสำหรับการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทั้งชนิดอ่อนและชนิดแข็ง พร้อมสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้ซึ่งก็คือ กระเป๋าใส่ยา ที่บรรจุยาทุกชนิดซึ่งมีความจำเป็นต่อชีวิตผู้ป่วยขณะที่อยู่ระหว่างการเคลื่อนย้ายไว้ภายใน
นายแพทย์ กัลวา ซิงห์ ได้เปิดเผยถึงรายละเอียดเกี่ยวกับทีมแพทย์ของเอสโอเอสด้วยว่า "ทีมแพทย์ของเอสโอเอสนั้น ประกอบไปด้วย แพทย์ที่เชี่ยวชาญในสาขาวิชาต่างๆทุกแขนง เช่น อายุรกรรม, ศัลยกรรม, กุมารเวชกรรม, สูติ-นรีเวชกรรม, ศัลยกรรมกระดูกและข้อ, อายุรกรรมหลอดเลือดและหัวใจ, ศัลยกรรมสมอง และ จิตเวชกรรม ฯลฯ ทั้งยังได้ผ่านการอบรมทางด้านเวชศาสตร์การบินและวิธีใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์อันทันสมัยมาแล้วทุกท่าน ซึ่งทำให้การดูแลผู้ป่วยเป็นไปได้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการและได้รับความปลอดภัยสูงสุด"
จากนั้น นายสายัณห์ พนาศุริยสมบัติ (STRATEGIC ALLIANCE MANAGER) ได้ออกมากล่าวถึงรายละเอียดเกี่ยวกับยานพาหนะที่ใช้ในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินทางอากาศว่า "ปัจจัยแรกสำหรับการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินทางอากาศที่เราต้องคำนึงถึงก็คือการเลือกใช้ยานพาหนะที่เหมาะสมที่สุดเพื่อให้เราสามารถนำผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลที่ต้องการให้ได้เร็วที่สุด ทั้งนี้ในปัจจุบันทางเอสโอเอสมีเครื่องบินส่วนตัวที่ถูกดัดแปลงไว้สำหรับการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโดยเฉพาะแล้ว 2 ลำซึ่งได้แก่ FALCON 200 ที่จอดรอให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงในประเทศสิงคโปร์ และเครื่องบินรุ่น ATR-72 ในประเทศไทยและเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับบริการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินทางอากาศ ทางเอสโอเอสจึงได้จัดหาเครื่องบินเพื่อดัดแปลงไว้สำหรับการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจากที่กล่าวไว้ข้างต้นอีก 3 ลำ โดยนายสายัณห์ พนาศุริยสมบัติ ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับเครื่องบินลำใหม่ทั้ง 3 ลำดังนี้ :
1. BEECHJET 400A
สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ 7 ที่นั่ง
ความเร็วในการบินคือ 867 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (ความเร็วเท่ากับเครื่องบินพาณิชย์)
เพดานบิน 45,000 ฟุต
พิสัยการบิน 3,135 กิโลเมตร
2. TURBO COMMANDER 690B
สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ 6 ที่นั่ง
ความเร็วในการบินคือ 532 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เพดานบิน 25,000 ฟุต
พิสัยการบิน 2,689 กิโลเมตร
3. CESSNA 402B
สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ 6 ที่นั่ง
ความเร็วในการบินคือ 461 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เพดานบิน 20,000 ฟุต
พิสัยการบิน 1,995 กิโลเมตร
นายสายัณห์ พนาศุริยสมบัติ ได้ให้รายละเอียดด้านปริมาณการให้บริการการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินไว้ว่า "ทางเอสโอเอสสามารถทำการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินได้โดยเฉลี่ยประมาณ 4 รายใน 3 ชั่วโมง หรือ 12,000 รายต่อปี หรือกล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่าทุกๆ ชั่วโมงเอสโอเอสได้ทำการช่วยเหลือนำผู้ป่วยอย่างน้อย 1 รายไปส่งยังสถานพยาบาลที่ดีที่สุด"
จากนั้น เพื่อให้เห็นภาพของบริการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินทางอากาศได้ชัดเจนขึ้น นายสายัณห์ พนาศุริยสมบัติ จึงได้นำเหตุการณ์จริง 3 เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับสมาชิกของเอสโอเอสมาอธิบายประกอบเป็นตัวอย่างคร่าวๆดังต่อไปนี้ :
1. การเคลื่อนย้ายทางเฮลิคอปเตอร์
สมาชิกของเอสโอเอสจำนวน 4 ท่านได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนตร์ที่จังหวัดปราจีณบุรี โดยหนึ่งในสี่ท่านนั้นต้องเข้ารับการผ่าตัดด่วนที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาด้วยอาการตับแตกและม้ามแตก ในขณะที่อีกสามท่านได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งหลังจากที่เอสโอเอสได้รับแจ้งถึงเหตุร้ายนี้แล้ว ทางบริษัทก็ได้ส่งทีมแพทย์ทางด้านจิตเวชเข้าพบสมาชิกเพื่อตรวจสอบอาการทางจิตใจหลังจากเกิดอุบัติเหตุในทันที พร้อมกันนั้นก็ได้เตรียมการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยตามความจำเป็นเร่งด่วนกลับมาทำการรักษาในโรงพยาบาลที่กรุงเทพฯทางเฮลิคอปเตอร์ 3 ท่าน และทางรถพยาบาลอีก 1 ท่าน ซึ่งสมาชิกทั้งสี่ได้รับความปลอดภัยสูงสุดระหว่างการเคลื่อนย้ายจนถึงโรงพยาบาลที่ต้องการในเวลาต่อมา
2. การเคลื่อนย้ายทางสายการบินพาณิชย์
เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียท่านหนึ่งที่ได้เดินทางไปยังประเทศกัมพูชา และได้รับอุบัติเหตุทางรถยนตร์จนเกิดการบาดเจ็บที่ศรีษะอย่างรุนแรงในขั้นที่โรงพยาบาลท้องถิ่นไม่สามารถรักษาได้ เมื่อญาติของคนเจ็บได้ติดต่อเข้ามาทางเอสโอเอสเพื่อขอให้บริษัทช่วยเคลื่อนย้ายผู้ป่วยกลับไปรักษาที่ออสเตรเลีย ทางทีมแพทย์ของเอสโอเอสก็ได้ติดต่อกับแพทย์เจ้าของไข้ในกัมพูชาเพื่อขอให้ทำการรักษาตามคำแนะนำในทันที จากนั้นเมื่อผู้ป่วยพร้อมที่จะได้รับการเคลื่อนย้ายแล้ว ทางเอสโอเอสก็ได้ส่งแพทย์ศัลยกรรมสมองเพื่อไปรับคนไข้พร้อมกับนำคนไข้ส่งกลับออสเตรเลียทางสายการบินพาณิชย์ ซึ่งโดยปกติแล้วสายการบินจะไม่อนุญาตให้นำผู้ป่วยขึ้นเครื่องหากไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัทที่ได้รับความเชื่อมั่นในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโดยเฉพาะ ซึ่งทางทีมแพทย์ของเราได้รับความเชื่อมั่นจากทางสายการบินอย่างสูงจนสามารถนำผู้ป่วยกลับออสเตรเลียได้อย่างปลอดภัย
3. การเคลื่อนย้ายทางเที่ยวบินเฉพาะกิจ
นักท่องเที่ยวชาวไทยท่านหนึ่งได้เดินทางไปมนัสการสิ่งศักสิทธิ์ที่หลวงพระบาง ประเทศลาว เรื่องเริ่มขึ้นในขณะที่นักท่องเที่ยวท่านนี้กำลังเดินขึ้นเขาและเกิดอาการกำเริบของโรคหัวใจขาดเลือด จากนั้นเขาได้ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในหลวงพระบางแต่ศักยภาพของโรงพยาบาลดังกล่าวไม่ได้มาตรฐานพอที่จะทำการรักษาได้ ทางญาติของผู้ป่วยจึงได้ติดต่อขอให้ทางเอสโอเอสเคลื่อนย้ายผู้ป่วยกลับไปรักษาที่กรุงเทพฯอย่างรีบด่วนที่สุด แต่ติดปัญหาอยู่ตรงที่เที่ยวบินพาณิชย์จากหลวงพระบางมายังกรุงเทพจะออกบินในวันรุ่งขึ้นและอาการของผู้ป่วยก็ยังไม่พร้อมสำหรับการเคลื่อนย้าย ดังนั้นทางเอสโอเอสจึงใช้เครื่องบินของบริษัท (FALCON 200) บินจากสิงคโปร์ออกมารับทีมแพทย์อายุกรรมด้านหัวใจและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นที่กรุงเทพฯแล้วจึงบินต่อไปรับคนไข้ที่หลวงพระบาง เมื่อแพทย์เฉพาะทางได้พบผู้ป่วยพร้อมกับให้การรักษาด้วยเครื่องมือที่นำไป อาการของผู้ป่วยก็กระเตื้องขึ้นจนพร้อมที่จะเคลื่อนย้ายกลับกรุงเทพฯในเวลาต่อมา
ทั้งนี้ นายสายัณห์ พนาศุริยสมบัติ ได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า "ผมเชื่อมั่นว่า "บริการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินทางอากาศ" หรือ "SOS AIR RESCUE" สามารถมอบความมั่นใจในความปลอดภัยและความสะดวกรวดเร็วในทุกๆสถานการณ์ที่มีผลต่อชีวิตของสมาชิกหรือผู้ประสบเหตุไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือชาวต่างชาติได้ ด้วยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการณ์และอุปกรณ์การแพทย์อันทันสมัย โดยเราพร้อมจะให้บริการแก่ท่านตลอดเวลาไม่ว่าท่านจะอยู่ในมุมใดของโลกก็ตาม เพียงแค่โทรศัพท์มาที่หมายเลข (66 2) 256-7757 เอสโอเอสจะจัดการทุกสิ่งทุกอย่างให้แก่ท่าน โดยท่านเพียงแค่รอให้ทีมแพทย์ของเรามารับเท่านั้น……..เหมือนดังคำปฏิญาณของเอสโอเอสที่ว่า 'ทุกชั่วโมงของทุกวัน เราอยู่ที่นี่เพื่อช่วยคุณ'…เราขอสัญญา…"
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : คุณ สายัณห์ พนาศุริยสมบัติ (STRATEGIC ALLIANCE MANAGER)
บริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด
(INTERNATIONAL SOS SERVICES (THAILAND) LIMITED)
อาคารดีทเฮล์ม ทาวเวอร์ บี ชั้น 11, 93/1 ถ. วิทยุ เขตลุมพินี แขวงปทุมวัน กรุงเทพ 10330
โทรศัพท์ : 02 - 256 7145 ต่อ 303
แฟกซ์ : 02 - 256 6340
โทรศัพท์เคลื่อนที่ : 01-374-0130
E-mail : sayan.p@.internationalsos.com-- จบ--
-อน-

แท็ก เนชั่น  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ