กรุงเทพฯ--6 ธ.ค.--แอล.พี.เอ็น.
แอล.พี.เอ็น. จับมือกับ แสนสิริ โดยมียูนิเวนเจอร์ เป็นตัวกลางในการประสานความร่วมมือในการพัฒนาโครงการอาคารชุดพักอาศัย "วอเตอร์คลิฟ" ซึ่งหยุดการก่อสร้างไปตั้งแต่ปี 2540 ให้เสร็จสมบูรณ์ภายใน 3 ปี ภายใต้ชื่อใหม่ "โครงการลุมพินี เพลส วอเตอร์คลิฟ"
การร่วมทุนระหว่าง 3 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ครั้งนี้ นับเป็นนวัตกรรมใหม่ของวงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย โดยมี 2 บริษัทที่มีประสบการณ์และความชำนาญด้านการพัฒนาอาคารสูง ได้แก่ แอล.พี.เอ็น. และแสนสิริ ร่วมลงทุนและดำเนินการพัฒนาโครงการอาคารชุดพักอาศัยที่หยุดการก่อสร้าง อันเป็นผลจากวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 โดยมีบริษัท ยูนิเวนเจอร์ ซึ่งมีสัมพันธภาพเป็นอย่างดีกับบริษัททั้งสอง เป็นตัวกลางในการผสานให้เกิดความร่วมมือในครั้งนี้
การร่วมทุนพัฒนาโครงการของกลุ่มพันธมิตรทั้ง 3 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ครั้งนี้ นอกจากจะได้รับผลคุ้มค่าจากการลงทุนโดยมีสัดส่วนของผลตอบแทนไม่ต่ำกว่า 20% แล้ว ยังเป็นการร่วมมือในการแก้ปัญหาเอ็นพีแอลของสถาบันการเงิน และปัญหาโครงการอาคารสูงที่หยุดการก่อสร้างเนื่องจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 ให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ รวมทั้ง ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ได้ทำสัญญาซื้อขายกับผู้ประกอบการเดิม ให้สามารถโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่ตนเองต้องการเป็นเจ้าของ อีกทั้งยังเป็นการสร้างงาน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของภาครัฐอีกด้วย
โครงการลุมพินี เพลส วอเตอร์คลิฟ เดิมใช้ชื่อว่า โครงการวอเตอร์คลิฟ ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท ไทยเฮ้าส์ซิ่ง ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เริ่มเปิดตัวโครงการครั้งแรกในปี 2537 และประสบความสำเร็จในด้านการตลาดอย่างสูงในขณะนั้น อันเนื่องมาจากที่ตั้งโครงการซึ่งอยู่บนทำเลที่ดี อีกทั้งการออกแบบอาคารและห้องชุดที่เน้นประโยชน์ใช้สอยของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจน การดำเนินงานประสบความสำเร็จและเป็นไปตามแผนงานมาโดยตลอด จนเมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 รวมถึงการปิดสถาบันการเงิน 58 แห่ง ซึ่งสถาบันการเงินหลายแห่งที่ถูกปิดนั้นเป็นสถาบันการเงินที่สนับสนุนเงินกู้ค่าก่อสร้างแก่โครงการ มีผลทำให้โครงการไม่สามารถดำเนินงานต่อได้และหยุดการก่อสร้างในปีเดียวกันนั้นเอง
ภายใต้การประสานงานการร่วมทุนระหว่าง แอล.พี.เอ็น. และแสนสิริ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ ได้กำหนดให้แอล.พี.เอ็น. เป็นแกนนำในการบริหารงานโครงการทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นด้านงานขายหรืองานก่อสร้าง ซึ่งที่ผ่านมา แอล.พี.เอ็น. ประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการในย่านพระราม 3 หลายโครงการด้วยกัน รวมถึงการมีฐานลูกค้าจำนวนมาก โดยทั้งนี้ แอล.พี.เอ็น. จะยังคงรูปแบบของโครงการเดิมเกือบทั้งหมด นอกจากรายละเอียดบางส่วนของโครงการ ซึ่งจะแก้ไขให้มีประสิทธิภาพ เหมาะสมกับภาวะการณ์ปัจจุบัน และสามารถตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
จากประสบการณ์และชื่อเสียงของบริษัทพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งสองแห่ง ไม่ว่าจะเป็นในด้านความเชื่อมั่นของฐานลูกค้าในย่านพระราม 3 ที่มีต่อแอล.พี.เอ็น. หรือ ความสำเร็จจากการบริหารลูกค้าเดิมในโครงการที่หยุดการก่อสร้างของแสนสิริ จะเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าเดิม หรือลูกค้าใหม่ รวมทั้งกลุ่มผู้ลงทุนว่า โครงการลุมพินี เพลส วอเตอร์คลิฟ จะสามารถบรรลุเป้าหมายตามแผนที่ได้วางไว้อย่างแน่นอน--จบ--
-อน-