กรุงเทพฯ--11 พ.ย.--สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
สภาธุรกิจไทย-รัสเซีย ภายใต้ความดูแลของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดเสวนา "รัสเซีย : ตลาดใหม่ไทย..น่าลงทุน" เมื่อวันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2558 ณ ห้อง Meeting Room 1-2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยได้รับเกียรติจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์) กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "ทิศทางและนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคธุรกิจไทยในภูมิภาคตลาดใหม่ (รัสเซียและสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย)" พร้อมทั้งวิทยากรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนมาให้ข้อมูลและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการลงทุนในรัสเซีย
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ไทยและรัสเซียมีความสัมพันธ์อันดีกันมายาวนาน ดังจะเห็นได้จากตัวเลขของนักท่องเที่ยวรัสเซียในประเทศไทยที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของจำนวนนักท่องเที่ยวตลอดมา ซึ่งในปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวรัสเซียเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยกว่า 1.7 ล้านคน สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยกว่า 1 แสนล้านบาท อีกทั้งยังช่วยเชื่อมความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรมให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
โดยปัจจุบันมีนักลงทุนของไทยที่เข้าไปลงทุนในรัสเซียทั้งหมด 3 กิจการ คือ บริษัทเจริญโภคภัณฑ์ (CP) บริษัท Warehouse ซึ่งผลิตเครื่องสำอาง และบริษัท Thai Pattara Spa ดำเนินธุรกิจสปา ที่ผ่านมา มีบริษัทไทยให้ความสนใจเข้าไปลงทุนโครงการในรัสเซียหลายแห่ง แต่ยังอยู่ในขั้นตอนศึกษาและพิจารณาความเป็นไปได้ ทั้งนี้ สาเหตุสำคัญที่ทำให้ระดับการลงทุนระหว่างกันยังไม่สูงมากนัก เนื่องมาจากการขาดความรู้เรื่องโอกาสลงทุนของทั้งสองฝ่าย
"สหพันธรัฐรัสเซีย เป็นประเทศที่มีศักยภาพด้านการลงทุนเป็นที่น่าสนใจ เนื่องจากเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีประชากรมากกว่า 140 ล้านคน ทั้งยังมีพื้นที่เชื่อมต่อระหว่าง 2 ทวีป คือ เอเชีย และยุโรป นอกจากนี้ รัสเซียยังอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติสำคัญหลายชนิด อาทิ น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน อัญมณี และแร่ต่างๆ ทั้งยังมีนโยบายส่งเสริมให้ชาวต่างชาติเข้าไปลงทุนในรัสเซีย ซึ่งไทยมีศักยภาพในหลายสาขาที่สามารถเข้าไปลงทุนในสหพันธรัฐรัสเซียได้ อาทิ ธุรกิจการท่องเที่ยว ร้านอาหารไทย สปา นวดแผนไทย โรงแรม บริการซ่อมรถยนต์และอะไหล่ อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ และเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น และ รัสเซียเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทยในกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช ซึ่งการค้าระหว่างไทยกับรัสเซียในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา มีมูลค่าเฉลี่ย 4.89 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออก รถยนต์และชิ้นส่วน อัญมณีและเครื่องประดับ เม็ดพลาสติก ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ไปยังรัสเซียเป็นหลัก และนำเข้าน้ำมันดิบ เหล็กและผลิตภัณฑ์ ปุ๋ย เพชรพลย และสินแร่โลหะเป็นหลัก" ประธาน ส.อ.ท. กล่าว
ด้าน นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานสภาธุรกิจไทย-รัสเซีย กล่าวว่า สภาธุรกิจไทย-รัสเซีย ภายใต้ความดูแลของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ทำหน้าที่เป็นกลไกลที่สำคัญของภาคเอกชนในการประสานงานและขับเคลื่อนการค้าและการลงทุนกับทางภาคเอกชนของรัสเซีย ด้วยเล็งเห็นโอกาสในการเพิ่มศักยภาพทางด้านดำเนินการเชิงรุกเพื่อเพิ่มการลงทุนในตลาดรัสเซีย หลังจากที่ประเทศรัสเซียได้มีนโยบาย Look East และให้ความสำคัญกับภูมิภาค Asia Pacific โดยมีความมุ่งมั่นที่จะเข้ามามีบทบาทในเอเชียมากขึ้น โดยปัจจุบันมีนักธุรกิจรัสเซียเข้ามาลงทุนในประเทศไทยในจำนวนที่ไม่มากนัก ในปี 2557 มีนักลงทุนรัสเซียเข้ามาลงทุนในประเทศไทย 11 ราย เป็นมูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท สำหรับปี 2558 มีมูลค่าการลงทุนแล้ว กว่า 8 ล้านบาท
"การจัดงานเสวนา "รัสเซีย: ตลาดใหม่ไทยน่าลงทุน" ครั้งนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของนักธุรกิจไทยในการเพิ่มองค์ความรู้ในการเข้าสู่ตลาดรัสเซียให้มีเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งเป็นการเสริมสร้างองค์ความรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างนักธุรกิจไทยและรัสเซีย ในการสร้างโอกาสทางการค้าและการลงทุนร่วมกัน ตลอดจนเสริมสร้างความสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมระหว่างภาคเอกชนไทยและสหพันธรัฐรัสเซียให้มากยิ่งขึ้น โดยได้รับเกียรติจาก ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "ทิศทางและนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคธุรกิจไทยในภูมิภาคตลาดใหม่ (รัสเซียและสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย)" ในทางกลับกันทุกท่านจะได้รับทราบ "วิสัยทัศน์และบทบาทของสภาธุรกิจรัสเซีย-ไทย" จาก Mr. Ivan Polyakov ประธานสภาธุรกิจรัสเซีย-ไทย พร้อมทั้งคณะ โดยหลังจากนั้น ก็จะเป็นการเสวนาในหัวข้อ นโยบายการค้าการลงทุนและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์โดยนักธุรกิจที่มีประสบการณ์การค้าในตลาดรัสเซีย โดยเปิดให้มีการซักถามและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นจากผู้ทรงคุณวุฒิและผู้มีประสบการณ์ทางการค้าและการลงทุนกับประเทศรัสเซีย ทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชนของฝ่ายไทยและสหพันธรัสเซีย" นายเกรียงไกร กล่าว