กรุงเทพฯ--12 พ.ย.--IR PLUS
L&E เผยปี 2558 เน้นปรับโครงสร้างรอบด้านในองค์กรเตรียมพร้อมลุยธุรกิจปีหน้าเต็มสูบ สอดคล้องกับโรงงานใหม่ที่ จ.ปทุมธานี ที่พร้อมเดินเครื่อง 100% ในช่วงต้นปี 2559 ดันกำลังการผลิตจะเพิ่มเป็น 2 เท่ารับคำสั่งซื้อในประเทศและลุยตลาด AEC เต็มที่ "ปกรณ์ บริมาสพร" ซีอีโอ มากประสบการณ์ย้ำปีนี้เป็นปีแห่งการปรับตัว จากนโยบายภาครัฐพุ่งเป้าล้างคอรัปชั่น หวังกระตุ้นเศรษฐกิจชัดเจนปีหน้า ส่งผลรายได้ทั้งปีเติบโตเพียง 5-10% แต่ไตรมาส 4 โดดเด่นหลังตุน Backlog กว่า 900 ล้านบาท จะรับรู้รายได้ 70-80% ในไตรมาสนี้ เชื่อปี 2559 รายได้ L&E เติบโตอย่างน้อย 15-20%
นายปกรณ์ บริมาสพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ L&E ผู้นำในธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายโคมไฟฟ้าและอุปกรณ์แสงสว่างรายใหญ่ของประเทศ ไทยและภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า ในปี 2558 บริษัทฯ ได้มีการปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาลที่เน้น การเติบโตที่สมดุลและใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ โดย L&E ได้มีการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อตั้งรับและเตรียมความพร้อมให้ สอดรับกับแนวโน้มการเติบโต ที่คาดว่าจะเห็นผลชัดเจนในปี 2559 ซึ่งในปีหน้าคาดว่ารายได้ของบริษัทฯ จะเติบโตอย่างน้อย 15-20% จากการปรับตัวเตรียมพร้อมรับมือ และโรงงานแห่งใหม่ที่ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี สามารถเดินเครื่องกำลังการผลิตได้เต็มที่ 100% ในต้นปีหน้าซึ่งจะสนับสนุนให้ผลประกอบการปี 2559 ของ L&E เติบโตได้ตามเป้าหมาย
"ปีนี้เราเน้นการปรับโครงสร้างองค์กร และเตรียมความพร้อมให้สอดรับกับนโยบายของรัฐบาล และให้ธุรกิจของบริษัทฯ เรามีความแข็งแรงและมั่นคง สามารถไปแข่งขันกับเวที AEC ที่จะมีการเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 ธันวาคม 2558 นี้ โดยมั่นใจว่าปีหน้า L&E พร้อมเดินหน้าในการลุยธุรกิจอย่างเต็มที่ในปี 2559 หลังการเดินหน้าผลิตสินค้าได้อย่างเต็มที่ จะสนับสนุนผลประกอบการปีหน้าของ L&E เติบโตอย่างโดดเด่นได้" นายปกรณ์ กล่าว
นายปกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3/58 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 677 ล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันของปีก่อน 14% เนื่องจากงานโครงการภาครัฐหลายโครงการมีการเลื่อนและบางส่วนระงับโครงการออก ไปก่อน ขณะที่งานภาคเอกชนยังมีการเติบโตปกติที่ประมาณ 10% อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 4/58 ผลประกอบการของบริษัทฯ จะกลับมาฟื้นตัวอย่างแน่นอน จากการรับรู้รายได้งานโครงการภาครัฐที่เลื่อนมาจากไตรมาส 3/58 มารับรู้ในไตรมาส 4 ประมาณ 70-80% ของมูลค่างานคงค้างในมือจำนวน 900 ล้านบาทและที่เหลือจะรับรู้รายได้ในปีหน้า
สำหรับผลการดำเนินงานงบเฉพาะกิจการประจำไตรมาส 3/2558 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2558 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการอยู่ที่ 678 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 13% แม้งานโครงการของภาคเอกชนจะยังคงเติบโตในอัตรากว่า 10% ตามปกติ แต่งานโครงการภาครัฐโดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการเปลี่ยนมาใช้ ผลิตภัณฑ์ LED แทนของเดิมเพื่อเป็นการประหยัดพลังงานนั้นได้ชะลอตัวลง โดยคาดว่าบางส่วนจะเลื่อนไปไตรมาสที่ 4 และบางส่วนอาจเลื่อนไปเป็นต้นปีหน้า ขณะที่กำไรสำหรับงวดอยู่ที่ 16.2 ล้านบาท ลดลง 62% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากในไตรมาสนี้บริษัทใช้กำลังผลิตได้ไม่เต็มที่ เพราะการย้ายโรงงานไปที่ใหม่ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้นต้นทุนทางการ เงิน เพิ่มขึ้นจากการกู้ยืมเงินจากธนาคารสูงขึ้นซึ่งสาเหตุใหญ่มาจากการสร้างโรง งานและคลังสินค้าแห่งใหม่ ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือน ปี 2558 รายได้จากการขาย 1,841.39 ล้านบาท กำไรสำหรับงวดอยู่ที่ 31.68 ล้านบาท
"ยอมรับรายได้ปีนี้ทั้งปีจะเติบโตไม่มาก อยู่ที่ระดับ 5-10% จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 10 – 15% ส่วนกำไรคาดว่าจะใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯ มีการย้ายโรงงานใหม่ จึงมีค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าเสื่อมราคา ดอกเบี้ย และค่าขนย้าย ส่งผลต่อกำไรสุทธิในปีนี้ แต่เป็นเพียงค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว เรายังคงมั่นใจหลังจากย้ายโรงงานผลิตไปที่ใหม่เรียบร้อยแล้ว จะช่วยลดต้นทุนค่าเช่าโรงงานเก่าและคลังสินค้าลงได้ แต่ไตรมาส 4/58 จะเติบโตอย่างมากจากการรับรู้รายได้ร้อยละ 70-80 จากมูลค่างานคงค้างในมือจำนวน 900 ล้านบาท เพราะรับรู้ล่าช้ามาจากไตรมาส 3" นายปกรณ์กล่าว