กรุงเทพฯ--16 พ.ย.--IR PLUS
SMPC เผยผลประกอบการทั้งรายได้และกำไร Q3/58 ดีขึ้นและคาดว่าจะดีต่อไปอย่างต่อเนื่อง หลังราคาขายถังเริ่มทรงตัวจากราคาเหล็ก และเพิ่มขึ้นตามความต้องการใช้ถังแก๊สทั้งในและต่างประเทศที่กลับมาฟื้นตัว อีกครั้ง "สุรศักดิ์ เอิบสิริสุข" เอ็มดีเผยปัจจุบันมีคำสั่งซื้อรองรับไปถึงต้นปีหน้าแล้ว ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนลงส่งผลดีต่อบริษัทในฐานะผู้ส่ง ออกกว่า90% ปีหน้าพร้อมรุกตลาดต่างประเทศโซนแอฟริกา เอเชีย และตะวันออกกลาง ที่ความต้องการใช้แก๊ส LPG ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการสนับสนุนของนโยบายภาครัฐที่ส่งเสริมให้คน หันมาใช้แก๊สหุงต้มแทนการใช้ฟืนเพื่อลดมลภาวะ
นายสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC ผู้ประกอบธุรกิจผลิตถังทนความดันแบบต่าง ๆ โดยผลิตภัณฑ์หลักเป็นถังสำหรับบรรจุแก๊สปิโตรเลียมเหลว (LPG) เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงหุงต้ม และสำหรับใช้เป็นแหล่ง พลังงานรถยนต์ โดยจำหน่ายภายในและต่างประเทศ ภายใต้เครื่องหมายการค้า "SMPC" รวมทั้งรับจ้างผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าต่างๆ เปิดเผยถึง แนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ คาดว่าผลประกอบการจะออกมาดี ตามความต้องการใช้ถังแก๊สทั้งในและต่างประเทศที่กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง โดย SMPC มีคำสั่งซื้อรองรับล่วงหน้าแล้วถึงต้นปีหน้า และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการผลิตในไตรมาส 4 จะพุ่งขึ้น เป็น 85-90% จากไตรมาส 3 ซึ่งอยู่ที 76% ส่งผลบวกต่อรายได้ และอัตรากำไรขั้นต้น นอกจากนี้ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลยูโร และดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลดีต่อบริษัทในฐานะผู้ส่งออก เพราะยอดขายหลักกว่า 90%มาจากการส่งออก
ด้านการรุกตลาดในต่างประเทศ บริษัทฯ ยังคงบริหารงานโดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการขยายตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศเพิ่มเติม เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงให้กับธุรกิจ โดยเฉพาะในแถบประเทศที่กำลังพัฒนาในโซนแอฟริกา เอเชีย และตะวันออกกลาง เนื่องจากยังมีความต้องการใช้แก๊ส LPG เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจในหลายประเทศที่ขยายตัว ประกอบกับราคา LPG ในตลาดโลกเริ่มปรับตัวลดลง ทำให้ผู้ประกอบการปรับเปลี่ยนหันมาใช้แก๊ส LPG เป็นเชื้อเพลิงมากขึ้น จึงมองว่าเป็นโอกาสในการขยายฐานสร้างรายได้ให้กว้างยิ่งขึ้น
"ปัจจุบันบริษัทฯมีงานในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้ (Backlog) ไปถึงต้นปีหน้า ประเมินว่าปริมาณขายทั้งปี 58 ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายการเติบโตที่ 15-20% ซึ่งเป็นผลมาจากแนวโน้มความต้องการใช้แก๊ส LPG ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณการใช้ถังซึ่งเป็นบรรจุภัณฑ์ขยายตัวตามไปด้วย ด้านกำไรสุทธิปีนี้ เราคาดว่าจะเติบโตในทิศทางเดียวกับยอดขายได้ ประกอบกับได้แรงหนุนจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า" นายสุรศักดิ์ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนของปี 2558 บริษัทฯ มียอดขายอยู่ที่ 1,930 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 2,254 ล้านบาท ปรับลดลง 324 ล้านบาท หรือคิดเป็น 14.4 % กำไรสุทธิอยู่ที่ 302 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 244 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 23.7%ขณะที่ผลประกอบการงวดไตรมาส 3/58 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 89 ล้านบาท ลดลง 24 ล้านบาท หรือ 21.3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 113 ล้านบาท สาเหตุเนื่องจากยอดขายรวมลดลง 102 ล้านบาท หรือ12.9% จาก 796 ล้านบาท เหลือ 694 ล้านบาท เนื่องจากราคาเหล็กซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีจน ถึงปัจจุบัน ทำให้ต้องปรับราคาขายสินค้าลงตามราคาวัตถุดิบ โดยสุทธิกับยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากค่าเงินบาทที่อ่อนลง ส่งผลให้กำไรขั้นต้นลดลง 45 ล้านบาท หรือ 20.4% จาก 221 ล้านบาท เหลือ 176 ล้านบาท สอดคล้องกับยอดขายที่ลดลง ส่วนอัตราการทำกำไรสุทธิลดลงเล็กน้อย 1.2% เนื่องจากปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงการบันทึกบัญชีโบนัสพนักงานจากเดิมบันทึก เมื่อจ่ายจริงเป็นทยอยรับรู้ตามผลประกอบการ