กรุงเทพฯ--16 พ.ย.--IR network
TASCO โตไม่ยั้ง! Q3/57 กำไรสุทธิ 1,453 ลบ. ทำนิวไฮต่อเนื่องบอร์ดใจป้ำประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลอีก 0.20 บาท/หุ้นสะเทือนวงการเปิดแผนงาน 5 ปี นำร่อง M&A ธุรกิจในอินโดนีเซียและเวียดนาม การันตีโต 15%
บมจ.ทิปโก้แอสฟัลท์ (TASCO) สุดยอดหุ้นพื้นฐาน! โชว์ผลงานไตรมาส 3/58 กำไรสุทธิ 1,453 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 242% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ทำสถิติสูงสุดใหม่ พร้อมประกาศข่าวดี! ให้ผู้ถือหุ้นได้ชื่นใจ เตรียมจ่ายปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.20 บาท/หุ้น และปิดดีล M&A ที่อินโดนีเซียและเวียดนามเอาฤกษ์เอาชัยตาม Mission/ Vision 2020
นายชัยวัฒน์ ศรีวรรณวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) (TASCO) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/58 มีกำไรสุทธิ 1,453 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,028 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 242% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 425 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากยอดขายยางมะตอยในทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยเฉพาะเวียดนามและอินโดนีเซียที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวในระดับต่ำ และต้นทุนการผลิตต่อหน่วยที่ถูกลง
ขณะที่ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกมียอดขายเพิ่ม 10% มาอยู่ที่ 1,686,295 ตัน ขณะที่รายได้รวม 28,041 ล้านบาท ลดลง 24 % เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่มีกำไรสุทธิ 3,896 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,216 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 473% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีที่กำไรสุทธิ 680 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่ตั้งแต่จัดตั้งบริษัท
"ยอดขายที่เพิ่มขึ้นใน 9 เดือนแรกสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการใช้ยางมะตอยที่แข็งแกร่ง แต่จากการที่ราคาขายยางมะตอยตลาดโลกนั้นลดลงต่อเนื่องเป็นสาเหตุทำให้รายได้ตกลง อย่างไรก็ตามจากการที่บริษัทมีต้นทุนการผลิตต่อหน่วยและต้นทุนน้ำมันดิบที่ต่ำ ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรในช่วง 9 เดือนแรกเฉียด 4,000 ล้านบาท" นายชัยวัฒน์กล่าว
จากผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการบริษัทจึงมีมติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับงวดผลการดำเนินงานในเดือนมกราคม-กันยายน 2558 ในอัตรา 0.20 บาท/หุ้น โดยจะปิดสมุดกำหนดรายชื่อคนที่ได้รับเงินปันผลในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2558 และจ่ายปันผลในวันที่ 9 ธันวาคม 2558 ซึ่งนับเป็นปันผลระหว่างกาลครั้งที่ 2 ในปีนี้
"ผมยังคงมั่นใจยอดขายในช่วงไตรมาส 4/58 ยังคงสดใส จากความต้องการยางมะตอยในประเทศและต่างประเทศโดยเฉพาะอินโดนีเซียและเวียดนามจะยังปรับตัวสูงขึ้น โดยบริษัทได้ปรับเพิ่มเป้าหมายปริมาณการขายยางมะตอยปีนี้เป็น 15% จากปีก่อนที่มีปริมาณการขาย 2.03 ล้านตัน ซึ่งมีปัจจัยจากหลายประเทศประกาศเดินหน้าลงทุนด้านโลจิสติกส์ เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หลังเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปลายปี 2558 รวมไปถึงการที่รัฐบาลของประเทศไทยได้มีการเร่งเบิกจ่ายงบลงทุน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เชื่อว่าจะส่งผลให้ปริมาณความต้องการยางจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก" นายชัยวัฒน์กล่าวในที่สุด
สำหรับ Mission ในปี 2020 บริษัทตั้งเป้า "เป็นบริษัทที่เน้นสินค้าและบริการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ยางมะตอยและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับปิโตรเลียมอย่างครบวงจร และเป็นตัวเลือกหลักของคู่ค้าต่างๆจากทั่วโลก"
โดย Vision ในช่วง 5 ปีข้างหน้า (2559-2563) คือ จัดจำหน่าย/ส่งมอบ ผลิตภัณฑ์ยางมะตอยและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม 6 ล้านตันใน 5 ทวีปหลัก ภายในปี 2020 อย่างยั่งยืน และเน้นความรับผิดชอบต่อสังคม
ท้ายสุดคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติการเข้าซื้อกิจการยางมะตอยจากบริษัทในประเทศอินโดนีเซียและเวียดนามถือเป็นก้าวแรกตามแผนงาน 5 ปี ซึ่งจะช่วยหนุนยอดขายรวมของบริษัทขึ้นทันทีประมาณ 15% เตรียมชงเข้าการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นที่จะจัดขึ้นในวันที่ 5 มกราคม 2559