กรุงเทพฯ--17 พ.ย.--พีอาร์ดีดี
นายสมิทธ์ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เสนอขายกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ระยะสั้นต่างประเทศ (SCBFST) มูลค่า 5,000ล้านบาท เพื่อเป็นอีกทางเลือกให้กับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนจากอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงจังหวะที่เงินบาทอ่อนค่า โดยมองว่าเงินบาทยังมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่องเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FED มีความชัดเจนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนธันวาคมปีนี้ จากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่กำลังฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง
"ที่ผ่านมามีนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรค่าเงินสามารถลงทุนรูปแบบต่างๆ อาทิ การลงทุนในทองคำ แต่ก็อาจมีความเสี่ยงจากทั้งอัตราแลกเปลี่ยนและจากราคาทองคำที่ผันผวนได้ หรือลงทุนด้วยการซื้อดอลลาร์เก็บไว้แล้วจึงค่อยนำมาขายเมื่ออัตราแลกเปลี่ยนเป็นที่น่าพอใจ แต่การลงทุนเช่นนี้ก็เกิดผลเสียได้เพราะเสียส่วนต่างซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนแถมยังต้องเก็บรักษาเงินสดไว้เป็นอย่างดี บางรายอาจเปิดบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ หรือ บัญชี FCD (Foreign Currency Deposit) ซึ่งบัญชีประเภทนี้ก็จะมีค่าธรรมเนียมสูงและดอกเบี้ยต่ำ บางรายอาจจะลงทุนด้วยการนำเงินเดินทางไปเปิดบัญชีในต่างประเทศ ด้วยตนเอง ซึ่งบัญชีที่ต่างประเทศก็จะมีดอกเบี้ยที่ต่ำมาก มีขั้นตอนที่ยุ่งยาก ทั้งยังเกิดความเสี่ยงในเรื่องของการนำเงินออกนอกประเทศอีกด้วย กองทุนนี้จึงเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพและราคาถูกกว่าทางเลือกอื่นๆข้างต้นเมื่อนักลงทุนต้องการลงทุนในเงินสกุลUSD" นายสมิทธ์ กล่าว พร้อมเพิ่มเติมว่า
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า แนวโน้มในปี 2559 เงินบาทมีโอกาสที่จะอ่อนค่าลงอีก โดยมองว่าน่าจะอยู่ในระดับ 37 – 40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยปัจจัยสำคัญคือ FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยกี่ครั้งและรวดเร็วเพียงใด การขึ้นดอกเบี้ยของ FED อาจทำให้เงินทุนไหลออกจากภูมิภาคเพิ่มขึ้น นักวิเคราะห์ทั้งหลายจึงมองว่าเงินบาทคงจะยังอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 1-2 ปี
ทั้งนี้ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ระยะสั้นต่างประเทศ จะเริ่มเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 17- 23 พฤศจิกายน 2558 นี้ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท เน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นต่างประเทศเป็นหลัก อาทิ ตราสารแห่งหนี้ระยะสั้นทั้งภาครัฐ ภาคสถาบันการเงิน ภาคเอกชน เงินฝาก หน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ เป็นต้น เฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เปรียบเทียบกับดัชนีมาตรฐานBofA Merrill Lynch US 3-month Treasury Bill ซึ่งเป็นดัชนีที่อ้างอิงผลตอบแทนจากการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุประมาณ 3 เดือนเบื้องต้นจะลงทุนผ่านตราสารหนี้ระยะสั้นของประเทศสหรัฐอเมริกา ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
โดยจุดเด่นของกองทุนนี้ คือ มีโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการบริหารค่าเงินจากอัตราแลกเปลี่ยนแบบเชิงรุก สอดคล้องกับแนวโน้มเงินบาทอ่อนค่าเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งมีความเสี่ยงในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยน กองทุนอาจลงทุนหรือใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้า(Derivatives)เพื่อทำธุรกรรมอัตราแลกเปลี่ยนของหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินในสกุลเงินต่างประเทศที่กองทุนถืออยู่เทียบกับสกุลเงินบาท ตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
สำหรับผู้ที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ SCBAM Call Center โทร. 02-777-7777 กด 0 กด 6