กรุงเทพฯ--18 พ.ย.--โทเทิล ควอลิตี้ พีอาร์
คณะกรรมการบริหารของบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล แอร์ไลน์ กรุ๊ป หรือ ไอเอจี (International Airlines Group: IAG) ได้ยืนยันคำสั่งซื้อเครื่องบินรุ่นลำตัวกว้างและเครื่องบินทางเดินเดี่ยวเพิ่มเติมอีกจำนวน 19 ลำ (ประกอบด้วยเครื่องบินแอร์บัส เอ330-200 จำนวน 2 ลำ เครื่องบินแอร์บัส เอ330-300 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินแอร์บัส เอ320นีโอ จำนวน 15 ลำ) โดยข้อตกลงล่าสุดกับบริษัท ไอเอจี และสายการบินในเครือนี้ทำให้ยอดรวมคำสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัสของกลุ่มบริษัทมีจำนวนทั้งหมดราว 470 ลำ
เครื่องบินแอร์บัส เอ330-200 จำนวน 2 ลำนั้นจะถูกนำไปให้บริการโดยสายการบิน ไอบีเรีย (Iberia) และเครื่องบินแอร์บัส เอ330-300 จำนวน 2 ลำจะถูกนำไปปฏิบัติการโดยสายการบิน เออร์ ลิงกัส (Aer Lingus) และเครื่องบินแอร์บัส เอ320นีโอ จำนวน 15 ลำ จะได้รับการจัดสรรในการนำไปปฏิบัติการโดยสายการบินอื่นๆ ในกลุ่มบริษัท
"จากสายการบินในเครือบริษัท ไอเอจี ทั้งหมด สายการบินต่างๆ ได้ปฏิบัติการหรือมีคำสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัสทุกประเภท โดยบริษัท ไอเอจี เป็นหนึ่งในลูกค้าอันทรงเกียรติที่สุดของเรา และการสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัส เอ330 และเครื่องบินแอร์บัส เอ320นีโอ ซ้ำครั้งใหม่นี้ได้ยืนยันให้เห็นถึงมูลค่าเพิ่มในระดับสูงและความเหนือชั้นของประสิทธิภาพของเครื่องบินรุ่นลำตัวกว้างและเครื่องบินทางเดินเดี่ยวของเราอีกครั้ง" มร. จอห์น ลีฮีย์ ประธานบริหารฝ่ายปฏิบัติการลูกค้าสัมพันธ์ของแอร์บัส กล่าว
เครื่องบินแอร์บัส เอ330 เป็นหนึ่งในบรรดาเครื่องบินรุ่นลำตัวกว้างที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา และมียอดคำสั่งซื้อกว่า 1,500 ลำในปัจจุบัน โดยมีจำนวนกว่า 1,200 ลำให้บริการเที่ยวบินโดยผู้ปฏิบัติการกว่า 100 รายทั่วโลก ทั้งนี้ แอร์บัสได้ลงทุนเป็นมูลค่าหลายร้อยล้านยูโรต่อปีเพื่อพัฒนาให้ตระกูลเครื่องบินแอร์บัส เอ330 เป็นตระกูลเครื่องบินที่มีนวัตกรรมอันล้ำสมัยอยู่เสมอ ตระกูลเครื่องบินแอร์บัส เอ330 เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องบินรุ่นลำตัวกว้างที่ครอบคลุมที่สุดและทันสมัยที่สุดในโลก ซึ่งนอกจากนี้ยังรวมถึง เครื่องบินแอร์บัส เอ350 เอ็กซ์ดับเบิลยูบี ที่มีขนาดใหญ่กว่า และเครื่องบินแอร์บัส เอ380 ซึ่งเป็นเครื่องบินสองชั้น
จากการนำเครื่องยนต์รุ่นใหม่มารวมกับเทคโนโลยีล่าสุด ทำให้ตระกูลเครื่องบินแอร์บัส เอ320นีโอ นั้นจะนำการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นขั้นเป็นตอนในการลดการใช้เชื้อเพลิงได้มากกว่าร้อยละ 15 พร้อมทั้งนำเสนอพิสัยการบินที่ไกลยิ่งขึ้น และต้นทุนการบำรุงรักษาที่ลดลง ในขณะเดียวกันก็ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ ตั้งแต่การเปิดตัวในปี พ.ศ. 2553 ตระกูลเครื่องบินแอร์บัส เอ320นีโอ ครอบครองสัดส่วนร้อยละ 60 ของยอดคำสั่งซื้อใหม่สำหรับเครื่องบินทางเดินเดี่ยวที่มีขนาดเกิน 100 ที่นั่งและได้รับเลือกจากสายการบินกว่า 75 แห่งทั่วโลก