กรุงเทพฯ--18 พ.ย.--Worklink Da Agency
นายธัช ธงภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (PPS) เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมวิศวกรก่อสร้างได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของโครงการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ของภาครัฐ พร้อมทั้งคาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวน่าจะยังทรงตัวต่อไปจนถึงสิ้นปี 2558 แต่ยังคงเชื่อมั่นว่าในช่วงต้นปี 2559 รัฐบาลน่าจะเร่งผลักดันโครงการเมกะโปรเจ็กต์ออกมา ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้ธุรกิจก่อสร้างและภาคเศรษฐกิจให้กลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง
ทั้งนี้ บริษัทได้เดินหน้าเข้าเสนองานงานวิศวกรที่ปรึกษากับกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ในส่วนของภาคเอกชน ซึ่งขณะนี้มีการเจรจากับกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มค้าปลีกต่อเนื่อง มูลค่ารวมประมาณ 150 ล้านบาท คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในช่วงไตรมาส 1/59
ส่วนการเข้าประมูลงานในต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ AEC ล่าสุดอยู่ระหว่างการเจรจางานวิศวกรที่ปรึกษาโครงการที่ประเทศลาว มูลค่าโครงการกว่า 10 ล้านบาท และที่ประเทศกัมพูชา มูลค่าประมาณ 20ล้านบาท คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในช่วงไตรมาส 4/58
นอกจากนี้งานออกแบบของ PPS Design บริษัทยังคงยื่นเสนองานในหลายโครงการ และอยู่ระหว่างการออกแบบที่พักอาศัยในประเทศกัมพูชา มูลค่าโครงการ 6 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 2/59 จากนั้นจะเจรจาเข้าดูแลงานวิศวกรปรึกษาโครงการต่อ ซึ่งหากการเจรจาเป็นผลสำเร็จจะส่งผลให้บริษัทมีงานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้นเป็น 330 ล้านบาท รับรู้รายได้ถึงปี 2562
ด้านผลประกอบการในงวดไตรมาส 3/58 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 61.23 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 3.01 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.69% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 64.29 ล้านบาท และเป็นขาดทุนสุทธิที่ 1.37ล้านบาท ลดลง 140.44 % โดยในช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3.38 ล้านบาท
ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือน ปี 2558 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 184.41 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 9.85%จากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 204.57 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2.73 ล้านบาท ลดลง 83.62% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 16.69 ล้านบาท โดยสาเหตุของการลดลงของรายได้และกำไรดังกล่าว เนื่องจากสภาวะการชะลอตัวของโครงการก่อสร้างภาคเอกชน และโครงการภาครัฐที่ยังไม่ได้เริ่มกระบวนการคัดเลือกที่ปรึกษาตามเป้าหมายที่วางไว้
สำหรับผลประกอบการในปี 2558 บริษัทยอมรับว่ารายได้จะต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯเริ่มมองเห็นสภาวะตลาดที่ลดสภาวะความกดดันทางด้านการแข่งขันลงในปี 2559 เนื่องจาก บริษัทฯเริ่มที่จะได้รับงานขนาดใหญ่ในภาคเอกชนเพิ่มขึ้น ทั้งนี้รวมไปถึงงานในตลาด AEC ที่บริษัทฯได้มีโอกาสเข้าไปเสนองานและเริ่มที่จะได้รับงานมาบางส่วน ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธและเป้าหมายที่บริษัทฯได้วางไว้
สำหรับงานโครงการขนาดใหญ่ในภาครัฐที่บริษัทฯมีโอกาสเข้าไปรับงานน่าจะยังไม่สามารถเริ่มต้นภายในสิ้นปี 2558 เนื่องจากงานข้างต้นยังไม่ได้เริ่มกระบวนการคัดเลือกตามที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ดีบริษัทฯมั่นใจว่างานในภาครัฐจะต้องเริ่มกระบวนการคัดเลือกและสรุปผลภายในปี 2559 อย่างแน่นอนตามนโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความแข็งแกร่งอย่างยั่งยืนของประเทศ