กรุงเทพฯ--18 พ.ย.--โฟว์ดี คอมมิวนิเคชั่น
ซีคอนโฮม หนึ่งในผู้นำธุรกิจรับสร้างบ้านของเมืองไทย เดินหน้าขยายฐานลูกค้ากลุ่ม B2B โดยเจาะไปยังกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ล่าสุดได้รับความไว้วางใจจากกลุ่ม "แนชเชอรัล ลิฟวิ่ง พร็อพเพอร์ตี้" ผู้พัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ในเขาใหญ่ ให้ดำเนินการก่อสร้างบ้านภายในโครงการ
นางสาวศุภิชชา ชัยพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอนโฮม จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดรับสร้างบ้าน ในกลุ่มไฮเอนด์ที่มีราคามากกว่า 10 ล้านบาท ถือเป็นกลุ่มที่มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้ ซีคอน โฮม พุ่งเป้าขยายฐานลูกค้าเพื่อเจาะตลาดในกลุ่มดังกล่าวเพิ่มขึ้น และได้พัฒนาแบบบ้านเพื่อตอบโจทย์ความต้องการ อาทิ แบบบ้านซีรี่ย์ The Modern และ The Master ภายใต้แนวคิด Big Home Small Price ซึ่งได้รับการตอบรับแบบเกินคาด และจากความสำเร็จในกลุ่มลูกค้ารับสร้างบ้านรายย่อยนี้เอง ทำให้ ซีคอนโฮม เล็งเห็นโอกาสในการขยายไปยังเซกเมนต์ใหม่ ได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย และกลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมาเราได้มีการเปิดตัวแบบบ้านซีรี่ยส์ Shop home ในงานรับสร้างบ้านเพื่อเจาะกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเยี่ยม จนมาถึงความสำเร็จล่าสุดที่เราได้รับความไว้วางใจจาก "แนชเชอรัล ลิฟวิ่ง พร็อพเพอร์ตี้" ผู้พัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ในเขาใหญ่ภายใต้ชื่อโครงการ "มิราเคิลส์ไฟว์" ให้เป็นผู้สร้างบ้านภายในโครงการ เพื่อเสนอเป็นทางเลือกแห่งคุณภาพให้แก่ลูกค้าที่ต้องการสร้างบ้าน
"ตลอด 54 ปี ที่ผ่านมา ซีคอนโฮม ในฐานะผู้บุกเบิกธุรกิจรับสร้างบ้านของเมืองไทย ได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้ารายย่อยด้วยดีมาโดยตลอด มาถึงวันนี้เราพร้อมที่จะปรับกลยุทธ์เพื่อก้าวเข้าไปชิงแชร์ในกลุ่มผู้ประกอบการเพื่อสร้างการเติบโตในอีกกลุ่มตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ตลาดกำลังต้องการมืออาชีพในการสร้างบ้าน ซึ่งเรามั่นใจว่าเราพร้อมจะเป็นจิ๊กซอว์ตัวนั้นให้แก่ผู้ประกอบการ ด้วยความพร้อมของทีมงานแบบครบวงจร ศักยภาพของโรงงานที่เราพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีด้วยนวัตกรรมต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการพัฒนาแบบบ้านให้ลูกค้าได้เลือกมากกว่า 200แบบ ณ ปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นความได้เปรียบหลักของเรา" นางสาวศุภิชชา ชัยพิพัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้ ก้าวใหม่ของ ซีคอนโฮม ในการรุกคืบเข้ามาชิงส่วนแบ่งทางการตลาดของธุรกิจรับสร้างบ้านในกลุ่มผู้ประกอบการนั้น นางสาวศุภิชชา นำเสนอมุมมองต่อประเด็นดังกล่าวว่า "พื้นฐานความต้องการของลูกค้าทุกคนย่อมต้องการบ้านที่สวยงามและมีคุณภาพเพื่อการอยู่อาศัยที่ดี ดังนั้น ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จึงได้นำความต้องการดังกล่าวมาเป็นจุดขาย และที่สำคัญคือต้องถ่ายทอดความงดงามของแบบบ้านให้เกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงอยากให้มืออาชีพด้านรับสร้างบ้านเข้ามาดำเนินการก่อสร้างให้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ซีคอนโฮม เริ่มต้น
จากการรับสร้างหอพัก อพาร์ทเมนต์ โรงงาน รวมไปถึงโครงการบ้านขนาดกลางและเล็ก และเมื่อฐานลูกค้ามีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เราจึงใช้โอกาสดังกล่าวพัฒนาต่อยอดมารุกตลาด B2B ดังเช่นปัจจุบัน เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทในธุรกิจรับสร้างบ้าน โดยเริ่มขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าที่มีที่ดินอยู่แล้วและต้องการพัฒนาที่ดินของตนเองให้เกิดประโยชน์ ทั้งการสร้างอาคารเพื่อการขาย ให้เช่า หรือเพื่อประกอบกิจการของตนเอง ซึ่งลูกค้าในกลุ่มนี้จะเป็นลักษณะของ SMEs รายย่อย คือมีจำนวนยูนิตของอาคารไม่มาก เป็นโครงการขนาดเล็ก เราจึงออกแบบบ้าน Shop home 1 เป็นทาวน์โฮมกึ่งร้านค้าสูง 3 ชั้น สไตล์ Modern ออกมาตอบสนองความต้องการ และได้ทำการเปิดตัวไปในงาน Home Builder Expo 2015 เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นอกจากนั้น เราเองยังได้มีการเจรจาธุรกิจกับกลุ่มผู้ประกอบการบ้านระดับไฮเอนด์ ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้จะต่างจากกลุ่ม SMEs เพราะโครงการบ้านจะมีมูลค่าและขนาดของโครงการที่ใหญ่กว่า โดยโครงการแรกที่เราเริ่มทำการตลาดร่วมด้วยอย่างจริงจัง คือโครงการ "มิราเคิลส์ไฟว์" เขาใหญ่ ที่ตั้งอยู่บนถนนธนะรัชต์ โดยโครงการจะขายที่ดินเปล่าเพื่อให้ลูกค้าปลูกบ้านตามแบบของโครงการ และซีคอน โฮม เป็นผู้เข้าไปดำเนินการสร้างบ้านให้กับลูกค้า"
ต่อคำถามเกี่ยวกับแนวคิดและหลักการบริหารธุรกิจของ ซีคอน โฮม ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ต้องปรับเปลี่ยนและปรับตัวเพื่อสร้างการเติบโตนั้น นางสาวศุภิชชา กล่าวเสริมว่า "สิ่งที่จำเป็นอย่างมากสำหรับธุรกิจรับสร้างบ้านในปัจจุบันก็คือต้องทันกับสถานการณ์รอบตัวที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น เราต้องรู้ความเป็นไป ต้องติดตามข่าวสารเพื่อการปรับตัวให้ทันท่วงที และบริหารงานอย่างมืออาชีพที่มีคุณธรรม การปรับตัวเริ่มจากปรับภายในองค์กรก่อน เรามีการเสริมความรู้ให้แก่พนักงานเกี่ยวกับนวัตกรรม เทคโนโลยี วัสดุก่อสร้าง ตลอดจนสิ่งที่ควรรู้ใหม่ๆ เพื่อนำมาปรับใช้ในการทำงานส่วนต่างๆ อาทิ การนำเอา Bearing Wall ผนังสำเร็จรูปมาสร้างบ้าน ซึ่งตัว Bearing Wall เป็นทั้งนวัตกรรมใหม่ทำให้บ้านแข็งแรง ทนทาน สร้างเสร็จเร็ว และยังช่วยแก้ปัญหาแรงงานขาดแคลน เพราะใช้จำนวนแรงงานในการทำงานน้อย นอกจากนี้ การนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในองค์กร เช่น ระบบ ERP ที่นำใช้มากว่า 5ปี เพื่อปรับปรุงระบบบการทำงานภายในให้รวดเร็ว ถูกต้อง และล่าสุดคือการปรับปรุงสำนักงานขายสาขาต่างๆ ให้เป็นศูนย์รับสร้างบ้านแบบเต็มตัวให้บริการแบบ One Stop Service บริการครบทุกเรื่องในที่เดียวเพื่อให้ลูกค้าประหยัดเวลา ซึ่งศูนย์รับสร้างบ้านสามารถบริหารงานได้อย่างอิสระ ภายใต้นโยบายการทำงานจากสำนักงานใหญ่ ซึ่งเป็นการทำงานในลักษณะ Decentralize อีกประการหนึ่งคือการปรับตัวให้ทันกับสภาวะภายนอก เช่น การปรับตัวเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดรับสร้างบ้าน, การปรับตัวให้ทันกับความต้องการของลูกค้า โดยให้ความสำคัญกับเทรนด์หรือกระแสความต้องการของลูกค้าในช่วงนั้นๆ และมุ่งตอบโจทย์ให้ได้อย่างตรงจุด และการปรับตัวล่าสุดคือการปรับตัวเพื่อการขยายตลาดเพื่อหาตลาดใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ดังที่เราได้ขยายไปจับกลุ่ม B2B ดังเช่นปัจจุบัน"
สำหรับแบบบ้านในโครงการ "มิราเคิลส์ไฟว์" เขาใหญ่ นั้น มีทั้งหมด 4 แบบ ซึ่งแบบดังกล่าวถูกสร้างสรรค์ขึ้นแบบเอกซ์คลูซีฟให้แก่โครงการ "มิราเคิลส์ไฟว์" เขาใหญ่ เท่านั้น
"ในส่วนกลุ่มลูกค้าระดับใหญ่ ณ ปัจจุบัน นอกจาก โครงการ "มิราเคิลส์ไฟว์" เขาใหญ่ แล้ว เรายังมีงานในโครงการ The Estate และ โครงการ Mayfair residence ซึ่ง The Estate เป็นทาวน์โฮม ขนาด 50 ยูนิตต่อแปลง ตั้งอยู่ในซอยอ่อนนุช 46 ส่วนโครงการ Mayfair Residence เป็นของ บริษัท สยามเฮ้าส์ซิ่ง จำกัด เป็นบ้านพักอาศัยระดับไฮเอนด์ สูง 5 ชั้น มูลค่าหลังละกว่า 60 ล้านบาท จำนวน 2 โครงการในซอยศูนย์วิจัย ซึ่งเชื่อว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับจากนี้" นางสาวศุภิชชา กล่าวสรุป