กรุงเทพฯ--18 พ.ย.--สหวิริยาสตีลอินดัสตรี
ขาดทุนสุทธิรวม 33,122 ล้านบาท โดยรวมประมาณการขาดทุนจากการชำระบัญชีของ SSI UK 28,877 ล้านบาท
วันที่ 1 ตุลาคม 2558 ศาลล้มละลายกลางรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ นัดไต่สวนคำร้องในวันที่ 21 ธันวาคม 2558
วันที่ 2 ตุลาคม 2558 ศาลรับคำร้องขอยกเลิกกิจการและชำระบัญชีของ SSI UK
นายวิน วิริยประไพกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ เอสเอสไอ เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2558 ว่า "บริษัทฯและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 10,543 ล้านบาท ลดลง 11% QoQ และ 25% YoY จากยอดขายของธุรกิจเหล็กแผ่นรีดร้อนที่ลดลง 7% QoQ และ 37% YoY และยอดขายของธุรกิจโรงถลุงเหล็กให้แก่บุคคลภายนอกที่ลดลง 15% QoQ และ 8% YoY โดยมีต้นทุนขายและให้บริการรวม 13,681 ล้านบาท ลดลง 1% QoQ และ 1% YoY มีผลขาดทุนสุทธิ 33,122 ล้านบาท เนื่องจากส่วนต่างระหว่างราคาขายและวัตถุดิบที่ลดลงของทั้งธุรกิจเหล็กแผ่นรีดร้อนและธุรกิจโรงถลุงเหล็ก ซึ่งเป็นผลมาจากราคาเหล็กในตลาดโลกที่ยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง และประมาณการขาดทุนจากการชำระบัญชีของบริษัทย่อย 28,877 ล้านบาท"
"ด้วยสภาวะตลาดเหล็กโลกที่กำลังการผลิตล้นความต้องการของตลาดอย่างรุนแรง อุปสงค์และอุปทานไม่สมดุลอย่างหนัก ตั้งแต่ปลายปี 2557 เป็นต้นมา ราคาเหล็กยังปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กลุ่มบริษัทประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนักในปีนี้ โดยเฉพาะจากธุรกิจโรงถลุงเหล็ก อย่างไรก็ตามในไตรมาส 3/58 สภาวการณ์ดังกล่าว ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดในทางตรงกันข้ามกลับทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นและส่งผลให้การดำเนินงานของธุรกิจโรงถลุงเหล็กขาดทุนเพิ่มขึ้นมาก ดังนั้น SSI UK จึงประกาศหยุดการผลิตเหล็กแท่งแบนชั่วคราวในวันที่ 18 กันยายน 2558 และยื่นคำร้องขอยกเลิกกิจการและชำระบัญชี (Liquidation) ต่อศาลในวันที่ 2 ตุลาคม 2558 ทั้งนี้ บริษัทฯ ประเมินมูลค่าที่คาดว่าจะได้รับคืนหลังสิ้นสุดกระบวนการชำระบัญชีของ SSI UK เชิงอนุรักษ์นิยมเป็นศูนย์ เนื่องจากทรัพย์สินหลักของ SSI UK เป็นโรงงานถลุงเหล็กและผลิตเหล็กกล้าขนาดใหญ่ ถูกควบคุมโดยกฎระเบียบพิเศษทางด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม Control of Major Accident Hazards (COMAH) มีปัจจัยภายนอกหลายปัจจัยที่มีความไม่แน่นอนและอยู่นอกเหนือการควบคุมของบริษัทฯ เช่น ความใช้ได้ของใบอนุญาตทางสิ่งแวดล้อม ขั้นตอนและกฎระเบียบในการดูแลรักษาทรัพย์สิน เป็นต้น จึงทำให้กระบวนการชำระบัญชีในกรณีนี้อยู่นอกเหนือกรณีปกติที่เคยมีมา ยังมีความไม่ชัดเจนในเชิงกฎหมายและขั้นตอนการชำระบัญชีโดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ทั้งนี้ บริษัทฯอยู่ระหว่างการหารือกับที่ปรึกษาทางกฎหมายและกลุ่มธนาคารเจ้าหนี้รายใหญ่เพื่อกำหนดแนวทางดำเนินการต่อไป"
"อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้ร่วมหารือกับกลุ่มธนาคารเจ้าหนี้รายใหญ่เพื่อหาแนวทางในการรักษาธุรกิจเหล็กแผ่นรีดร้อนของบริษัทฯ ให้สามารถดำเนินการได้ตามปกติและรักษามูลค่าทางธุรกิจของบริษัทฯ ไว้ และได้ตัดสินใจยื่นเรื่องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2558 โดยศาลฯ ได้รับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ แล้ว และมีกำหนดนัดไต่สวนคำร้องดังกล่าวในวันที่ 21 ธันวาคม 2558"