กรุงเทพฯ--19 พ.ย.--เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น
เอสซีฯ ประกาศผลประกอบการ 9 เดือนโดดเด่น ยอดขายและรายได้เติบโต 36% และ 10% ชี้บ้านหรูเติบโตดี ไตรมาส 4 รุกเปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่า 7,000 ลบ. และพัฒนานวัตกรรม การบริการตอบรับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิตอลด้วย SC MINE ช่องทางบริการหลังการขายแบบออนไลน์
นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมรายได้จากผลประกอบการ 9 เดือนที่เติบโตโดดเด่นโดยสรุปว่า "SC มียอดขายรวม 8,284 ล้านบาท เติบโตขึ้น 36% จากปี 2557 ส่วนรายได้รวมเท่ากับ 9,058 ล้านบาท เติบโต 10% จากปี 2557 ซึ่งเป็นรายได้จากการดำเนินงาน 9,030 ล้านบาท ที่มาจาก 2 ธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย คิดเป็นสัดส่วน 93% กับรายได้จากธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่าและบริการที่สัดส่วน 7% มีกำไรขั้นต้น 36.9% และมีกำไรสุทธิ 1,068 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากปี 2557 ณ 30 ก.ย. 2558 มี Backlog 8,680 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เข้ามาเป็นรายได้ในปีนี้ราว 20% และที่เหลือรอรับรู้รายได้ในอีก 3 ปีข้างหน้า"
นายณัฐพงศ์ กล่าวสรุปถึงผลประกอบการในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาว่า "ตลาดครึ่งปีแรกเติบโตดี โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวระดับราคามากกว่า 15 ล้านบาทขึ้นไปของ SC นั้นมีส่วนแบ่งตลาดเท่ากับ 35% และเป็นอันดับ 1 ซึ่งเป็นรายได้เท่ากับ 2,474 ล้านบาท เติบโตมากกว่า 40%yoy จึงมั่นใจว่ายังรักษาความเป็นผู้นำอันดับ 1 ของตลาดบ้านเดี่ยวราคา 15 ล้านบาทขึ้นไป ตลอด 5 ปีนี้ พร้อมกับมั่นใจสถานการณ์ตลาดบ้านหรูยังเติบโต สำหรับในไตรมาส 3 ตลาดมีการชะลอลงเล็กน้อย และเริ่มกลับมาคึกคักในไตรมาส 4 โดยมีสัญญาณที่ดีมาจากยอดขายพรีเซลส์โครงการแนวราบในเดือนต.ค. ประมาณ 1,200 ล้านบาท เติบโตกว่าเดือน ก.ย.ถึง 85% ซึ่งมีผลมาจากแคมเปญการตลาด Knock – Out Price และมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ จากรัฐบาล"
ในไตรมาส 4 นี้ ได้เริ่มมีการโอนห้องชุดโครงการเซ็นทริค ซี พัทยา คอนโดฯ สร้างเสร็จพร้อมอยู่ ทำเลใจกลางพัทยา สาย 2 ราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท และเปิดโครงการใหม่ 3 โครงการ มูลค่ารวมกัน 7,000 ล้านบาท โครงการแรกคือ โครงการแชมเบอร์ส ชาน ลาดพร้าว-วังหิน คอนโดฯ low rise ใหม่ แนวคิดคอนโดอารมณ์บ้าน บนพื้นที่ 3-3-35 ไร่ ซึ่งกลุ่มลูกค้าหลักคือ กลุ่มผู้อยู่อาศัยในทำเลเดิม (local demand) ในรัศมีจากโครงการ 5 กม. ที่ต้องการที่อยู่อาศัยเดิมในทำเลระดับพรีเมี่ยม มูลค่าโครงการ 930 ล้านบาท ราคาเริ่ม 2 ล้านบาทขึ้นไป
และอีก 2 โครงการ เป็นคฤหาสน์หรูแบรนด์ แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด ใน 2 ทำเลฝั่งกรุงเทพตะวันตกและตะวันออก ได้แก่
1. โครงการแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด ราชพฤกษ์-จรัญฯ ติดถนนตัดใหม่พรานนก-พุทธมณฑลสาย 4 เป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง ถนนใหญ่ขนาด 8 เลน ซึ่งเชื่อมเส้นทางสำคัญของฝั่งกรุงเทพตะวันตกหลายสาย จรัญสนิทวงศ์ ( สามแยกไฟฉาย ) กาญจนาภิเษก ราชพฤกษ์ ใกล้ รพ.ศิริราช เพียง 15 นาที พื้นที่โครงการ 61-1-20.3 ไร่ มูลค่าโครงการ 3,200 ล้านบาท เพียง 92 หลัง ราคาเริ่มต้น 30 ล้านบาท
2. โครงการแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด สุขุมวิท ต้นถนนบางนา-ตราด ใกล้รถไฟฟ้าสถานีแบริ่งและไบเทคบางนา ใกล้โรงเรียนนานาชาติบางกอกพัฒนา ขนาด 47-3-56.1 ไร่ มูลค่าโครงการ 2,800 ล้านบาท เพียง 65 หลัง ราคาเริ่มต้น 35 ล้านบาท
ทั้ง 2 โครงการนี้ เป็นคฤหาสน์ซีรีย์ใหม่ที่ได้รับการออกแบบใหม่ ทั้งรูปแบบโครงการและฟังก์ชั่นภายใน ขนาดเริ่มต้น 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 484 ตารางเมตร ซึ่งได้เปิดขายรอบพิเศษสำหรับผู้สนใจที่ลงทะเบียนบน www.scasset.com พร้อมกลุ่มลูกค้าเดิมของ SC เท่านั้น ก่อนจะเปิดขายอย่างเป็นทางการในปี 2559
นายณัฐพงศ์ กล่าวเสริมว่า "ล่าสุด SC ได้พัฒนานวัตกรรมการบริการ เพื่อรองรับ Lifestyle ชีวิตทันสมัยในยุคดิจิตอลที่เปลี่ยนไป และเพื่ออำนวยความสะดวกลูกค้าของ SC (SC FAMILY) ในชื่อ SC MINE บริการหลังการขายแบบออนไลน์ โดยเฟสแรกให้บริการบนเว็บไซต์ www.scasset.com เพียงลงทะเบียนสมัครได้ด้วยตนเองที่ www.scasset.com/scmine ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มีบริการ 4 อย่าง คือ
1. เช็คประวัติการชำระ-บริการชำระค่างวดผ่อนดาวน์ผ่าน Online Banking ของ 4 ธนาคาร คือ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ธนาคารกสิกรไทย (KBank) ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และธนาคารธนชาติ (TBank) รวมถึงการแสดงสำเนาใบเสร็จรับเงิน
2. การอัพเดทข้อมูลส่วนตัว
3. บริการแจ้งซ่อมออนไลน์
4.การรับข่าวสาร กิจกรรมและสิทธิพิเศษจาก SC FAMILY ส่วนเฟส 2 จะมีการพัฒนาเป็น Application บนสมาร์ทโฟนและเริ่มใช้ในปี 2559"