กรุงเทพฯ--23 พ.ย.--IR network
บมจ. ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ (TACC) สุดยอดหุ้นเนื้อหอม เจ้าตลาดเครื่องดื่มโถกดใน 7-Eleven ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกของเมืองไทย เคาะราคาขายไอพีโอ 2.88 บาท/หุ้น เปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 25-27 พ.ย. ก่อนลงสนามเทรดในตลาดหลักทรัพย์mai วันที่ 2 ธ.ค.นี้ ได้ที่ปรึกษามือโปรอย่าง บล.ฟินันเซีย ไซรัส เป็นแกนนำจัดจำหน่ายร่วมกับโบรกเกอร์ชั้นนำอีก 6 แห่ง มั่นใจขายเกลี้ยง ชูจุดแข็งเป็นคู่ค้าและพันธมิตรกับ 7-Eleven มายาวนานกว่า 12 ปี "ชัชชวี วัฒนสุข" ประกาศพร้อมเดินหน้าท้าลุย! ติดตั้งเครื่องกดเครื่องดื่มแบบอัตโนมัติ (Vending Machine) ในร้านสะดวกซื้อ 1,500 เครื่อง ภายในปี'60 มั่นใจช่วยผลักดันรายได้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน มั่นใจ TACC จะเป็นดาวดวงใหม่ในตลาดหลักทรัพย์
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) (TACC) เปิดเผยว่า บริษัทได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 168 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.25 บาท ในราคาหุ้นละ 2.88 บาท โดยจะเสนอขายให้กับประชาชนจำนวน159 ล้านหุ้น และเสนอขายให้กับกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทจำนวน 9 ล้านหุ้น หุ้นทั้งสองส่วนจะเสนอขายในราคาเดียวกัน โดยจะเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 25-27 พฤศจิกายน 2558 คาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ในวันที่ 2 ธันวาคม และใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "TACC"
การเสนอขายหุ้นไอพีโอในครั้งนี้ บริษัทได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน โดยมีผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 6 แห่ง ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด
"การกำหนดราคาไอพีโอของ TACC ที่ 2.88 บาท/หุ้น ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ศักยภาพการเติบโตจากการลงทุนในโครงการเครื่องกดเครื่องดื่มแบบอัตโนมัติในอนาคต รวมถึงเมื่อพิจารณาประกอบกับปัจจัยสนับสนุนในหลายๆ ด้านของ TACC ทั้งในฐานะที่เป็นผู้นำที่มีมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดับ 1 ในส่วนที่เป็นเครื่องดื่มในโถกดที่จำหน่ายในร้าน 7-Eleven ที่มีสาขากระจายทั่วประเทศกว่า 8,000 สาขา จากการที่เป็นเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ บมจ. ซีพี ออลล์ (Key Strategic Partner) มายาวนานกว่า 12 ปี ขณะเดียวกัน TACC ยังเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มชาเขียวพร้อมดื่ม "เชนย่า" ในประเทศกัมพูชา ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่ง นอกจากนี้ บริษัทยังมีทีมงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความเชี่ยวชาญ ทำให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถตอบสนองต่อโอกาส ช่องว่างทางธุรกิจ และไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาได้อย่างเหมาะสมและรวดเร็วเป็นไปตามความต้องการของผู้บริโภค" นายสมภพกล่าว
ขณะที่ผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่องโดยในงวด 9 เดือนแรกของปี 2558 บริษัทฯ มีรายได้รวม 745.42 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนคิดเป็น 3.25% โดยมีกำไรสุทธิ 54.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.68 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 77.36% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 30.61 ล้านบาท รวมทั้งสูงกว่ากำไรสุทธิทั้งปีของปี 2557 ที่มีจำนวน 51.84 ล้านบาท สาเหตุที่ทำให้กำไรสุทธิในงวด 9 เดือนแรกของปีนี้เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แม้ในภาพรวมยอดขายจะค่อนข้างทรงตัวตามภาวะเศรษฐกิจ เนื่องจากบริษัทมีนโยบายในการมุ่งเน้นขายสินค้ากลุ่มที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับบริษัทฯ มีการผลิตสินค้าจากโรงงานผลิตเครื่องดื่มปรุงสำเร็จชนิดผงของบริษัทฯ ได้อย่างเต็มที่มากยิ่งขึ้น ทำให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลดลง โดยจะเห็นได้ว่าอัตรากำไรขั้นต้นในงวด 9 เดือนแรกของปี 2558 ของบริษัทอยู่ที่ร้อยละ 30.53 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 28.20 ในปี 2557 นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยมีการควบคุมงบประมาณการใช้จ่ายต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ค่าใช้จ่ายในการโฆษณาประชาสัมพันธ์และการส่งเสริมการขาย ส่งผลให้บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.15 ในปี 2557 เป็นร้อยละ 7.28 ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2558
"ผมมั่นใจว่า TACC จะเป็นหุ้นน้องใหม่ที่ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เพราะบริษัทมีผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง จะเห็นได้จากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 28.20 ในปี 2557 เป็นร้อยละ 30.53 ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2558 รวมถึงอัตรากำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.15 ในปี 2557 เป็นร้อยละ 7.28 เมื่อผนวกกับแผนการลงทุนที่มีความชัดเจนในส่วนของโครงการเครื่องกดเครื่องดื่มแบบอัตโนมัติ (Vending Machine) ที่ตั้งเป้าติดตั้งให้ได้ประมาณ 1,500 เครื่อง ภายในปี 2560 จะช่วยผลักดันผลประกอบการของบริษัทในอนาคตให้เติบโตอย่างโดดเด่น และในช่วงที่ผ่านมา ระหว่างการเดินสายโรดโชว์ใน 4 จังหวัด ปรากฏว่าได้รับกระแสตอบรับจากนักลงทุนอย่างดีเยี่ยม ทำให้มั่นใจว่าTACC จะเป็นทางเลือกที่มีคุณภาพและสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน" นายสมภพกล่าวในที่สุด
นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) (TACC) กล่าวว่า เงินที่ได้จากการในครั้งนี้จำนวน 483.84 ล้านบาท บริษัทจะนำไปลงทุนในธุรกิจ "เครื่องกดเครื่องดื่มแบบอัตโนมัติ" (Vending Machine) ซึ่งเป็นเครื่องดื่มร้อนประเภทชาและกาแฟในร้าน 7-Eleven จำนวน 120 ล้านบาท โดยบริษัทมีเป้าหมายจะติดตั้งให้ได้ประมาณ 1,500 เครื่อง ภายในปี 2560 ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มติดตั้งเครื่อง Vending Machine ได้ประมาณ 10 เครื่องภายในปีนี้ และในปี 2559-2560 คาดว่าจะติดตั้งได้จำนวน 740 เครื่องและ 750 เครื่อง ตามลำดับ และส่วนที่เหลือจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
"จุดแข็งที่สำคัญของเราคือ การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ 7-Eleven มานานกว่า 12 ปี ทีมผู้บริหารมีประสบการณ์การทำธุรกิจเครื่องดื่มมากกว่า 20 ปี อีกทั้ง TACC ยังให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ แผนการขยายการลงทุนธุรกิจด้านเครื่อง Vending Machine จะช่วยผลักดันรายได้ให้บริษัทเติบโตอย่างโดดเด่นและแข็งแกร่ง และสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นในอนาคต ทำให้มั่นใจว่า TACC จะเป็นหุ้นน้องใหม่ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน" นายชัชชวี กล่าวในที่สุด