“เจเอเอส แอสเซ็ท (มหาชน)” สยายปีก บุกศูนย์การค้าชุมชน ทุ่ม 500 ล้านบาท เปิด “The Jas รามอินทรา” เสริมความแกร่งธุรกิจ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 23, 2015 11:26 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--23 พ.ย.-- บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจการบริหารพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้า และธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มากว่า 15 ปี รุกคืบด้วยการเปิดศูนย์การค้าชุมชน สาขาที่ 2 "The Jasรามอินทรา บนเนื้อที่กว่า 9 ไร่ มีพื้นที่ขายกว่า 12,000 ตร.ม. ริมถนนรามอินทรา-ลาดปลาเค้า เจาะกลุ่มครอบครัว และคนรุ่นใหม่ที่นิยมช็อปสะดวก ใกล้บ้าน โดยรวบรวมร้านค้าแบรนด์ดังไว้มากมาย ทั้งร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ต ฟิตเนส พร้อมที่จอดรถสะดวกสบายกว่า 350 คัน ด้วยเงินลงทุนกว่า 500 ล้านบาท พร้อมโชว์เจ๋งขายพื้นที่เรียบเกิน 95 เปอร์เซ็นต์ คาดมีผู้ใช้บริการอย่างต่ำ 3,000 คนในวันปกติ และศุกร์-อาทิตย์ 5000คน (20 พ.ย. 58 ณ The Jas รามอินทรา ) คุณนงลักษณ์ ลักษณะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) เผยว่า "จากความสำเร็จในการขยายธุรกิจด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในรูปแบบศูนย์การค้าชุมชน สาขาแรกที่ The Jas วังหิน ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทางบริษัทฯ จึงได้เปิดตัวศูนย์การค้าชุมชนThe Jas สาขาที่ 2 คือ The Jas รามอินทรา เพื่อเป็นเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ จากประสบการณ์การบริการพื้นที่มากว่า 15 ปี อีกทั้งปัจจุบันได้เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เชื่อมั่นได้ว่าบริษัทจะขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และมั่นคง" ปัจจุบันธุรกิจของบริษัทแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบหลัก คือ 1) การบริหารพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้าในส่วนโทรศัพท์เคลื่อนที่และสินค้าเทคโนโลยี ภายใต้ชื่อ "IT Junction" 2) การพัฒนาและบริหารพื้นที่ในรูปแบบตลาดชุมชน ภายใต้ชื่อ "J Market" และ 3) การพัฒนาและบริหารพื้นที่ในรูปแบบศูนย์การค้าชุมชน ภายใต้ชื่อ "The Jas" สำหรับการพัฒนาและบริหารพื้นที่ในรูปแบบศูนย์การค้าชุมชน ภายใต้ชื่อ "The Jas" ในปี2557 บริษัทเริ่มดำเนินการพัฒนาและบริหารพื้นที่ในรูปแบบศูนย์การค้าชุมชนแห่งแรก ในโครงการ "The Jas วังหิน" ซึ่งตั้งอยู่บน ถ.ลาดพร้าว-วังหิน เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ โดยมีขนาดพื้นที่โครงการทั้งหมด 5 ไร่ 2 งาน 20 ตารางวา และมีพื้นที่ให้เช่าทั้งหมด ประมาณ 5,750 ตร.ม. (หากไม่รวมพื้นที่ลานโปรโมชั่นและพื้นที่ในลักษณะoutdoor จะเหลือพื้นที่เช่า 4,970 ตร.ม.) โดยมีผู้เช่าหลัก ได้แก่ Tops Market, Starbucks, Zen, MK Restaurant ซึ่งโครงการดังกล่าวบริษัทเป็นเจ้าของที่ดินสำหรับพัฒนาศูนย์การค้าชุมชนเอง และเปิดให้บริการตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2557 จนล่าสุดบริษัทฯ ได้ขยายการลงทุน สาขาที่ 2 The Jas รามอินทรา ซึ่งตั้งอยู่ที่ ถ.ลาดปลาเค้า เขตบางเขน กรุงเทพฯ สำหรับเป้าหมาย ปัจจุบันบริษัทมีพื้นที่เช่ารวมทั้งสิ้นมากกว่า 20,000 ตร.ม. มีสาขารวมทั้ง 3 ธุรกิจอยู่ที่ 49 สาขา โดยบริษัทมีเป้าหมายในการขยายจำนวนพื้นที่เช่าทั้ง 3 รูปแบบ (IT Junction, J Market และ The Jas) ให้มากกว่า 100 สาขา ภายใน 5 ปี (ภายในปี 2562) โดยมีวิสัยทัศน์ "มุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านการบริหารจัดการพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้า และเป็นนักพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อชุมชนที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น" ด้านรายละเอียด จุดเด่น The Jas รามอินทรา ตั้งอยู่บริเวณ รามอินทรา กม.2 ลาดปลาเค้า บนที่ดินกว่า 9 ไร่ ใช้พื้นที่ก่อสร้างรวม 28,000 ตารางเมตร พื้นที่ขายกว่า 12,000 ตารางเมตร และที่จอดรถกว่า350 คัน (ใหญ่กว่าสาขาวังหินประมาณ 1 เท่าตัว) รองรับกำลังซื้อคนในโซนนี้และผู้สัญจรผ่านไปมา โดยกลุ่มเป้าหมายหลัก อยู่ในระดับกลาง-บน เพราะมีทั้งบ้านเดี่ยวราคาตั้งแต่ยูนิตละกว่า 10 ล้านบาท รวมถึงทาวน์โฮม, คอนโดมิเนียมเกิดใหม่มากมายเกินกว่าสิบโครงการฯ ปัจจุบันมีผู้จองพื้นที่แล้วกว่า 95% และมั่นใจว่าจะปิดการขายเต็มพื้นที่ทั้งโครงการ 100% ภายในสิ้นปี 2558 The Jas รามอินทรา เป็นศูนย์การค้าแบบเปิด มีที่จอดรถสะดวกสบายกว่า 350 คัน มีร้านค้า แบรนด์ดัง ที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์กลุ่มเป้าหมายอย่างครบถ้วน โดยมีทั้งร้านอาหาร , ซุปเปอร์มาร์เก็ต , ฟิตเนส , โซนบิวตี้ , โซนเอ็ดดูเคชั่น และบริการด้านต่างๆ อาทิ Starbucks , Maxvalue , Swensens ,ธนาคารกรุงเทพ, Wine connection, MoMo Paradise , Santafe , Mk , Yayoi , Domino Pizza , Chairman by Chafman , ไก่ย่างพระราม 9 เป็นต้น ผู้พัฒนาโครงการ บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) เริ่มดำเนินธุรกิจตั้งแต่ปี 2543 จากการเป็นหน่วยงานหนึ่งใน บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) ซึ่งในขณะนั้นเจมาร์ทได้ขยายธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้าโดยเริ่มเช่าพื้นที่ในส่วนโทรศัพท์เคลื่อนที่และสินค้าเทคโนโลยีในศูนย์การค้าบิ๊กซี จังหวัดนครปฐม เป็นแห่งแรก ภายใต้ชื่อ "IT Junction" ต่อมาธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าดังกล่าวได้ขยายตัวและเติบโตจนเป็นธุรกิจหลักของบริษัท ต่อมาในปี 2555 และปี 2557 บริษัทได้ขยายธุรกิจไปสู่การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในรูปแบบตลาดชุมชนและศูนย์การค้าชุมชน ตามลำดับ ภายในงานแถลงข่าว คุณนงลักษณ์ ลักษณะโภคิน ยังได้ปิดตัวทีมบริหาร คุณสุปรีชา อังธีระนุวงศ์CFO, คุณเอกชัย สุขุมวิทยา CMO บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) อธิบายเพิ่มเติมถึง แนวทางการทำงานของบริษัทฯ ยึดหลัก "มือใหม่ต้องกล้าใช้เท้า" ซึ่งธุรกิจบริษัทฯ มีความน่าสนใจ ดังนี้ - เราวางตัวเองเป็น "ศูนย์การค้าชุมชน" ก่อนจะเปิดให้บริการ ศึกษา ทำโฟกัสกรุ๊ป หลังเปิดก็สร้างกิจกรรมให้คนในชุมชนมีส่วนร่วม ตลาดต้องการอะไรเพิ่มเราเอามาเติม ในตลาดนี้เราเป็นผู้เล่นใหม่ คิดว่าต้องกล้าใช้เท้า เดินสำรวจ ทำแบบสอบถาม ทำโฟกัสกรุ๊ป กว่าสามเดือน เพื่อให้ซัคเซสในทุกจุด - ไม่ได้โฟกัสเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ ขอเป็นพื้นที่ชุมชนหนาแน่น เพราะจากประสบการณ์บริหารพื้นที่ สองสิ่งที่ทำให้ศูนย์การค้าแบบเปิดประสบความสำเร็จ คือ ร้านค้าเยอะ เดินทางสะดวก ลูกค้าเดินทางไม่เกิน 15 นาที (รัศมี 3-5 กิโลเมตร) - The Jas วังหิน พื้นที่ 5 ไร่ เต็มต่อเนื่อง ทั้งร้านค้าและคนช็อปปิ้ง เรานำประสบการณ์และดีมานด์ตรงนั้น มาพัฒนา The Jas ลาดปลาเค้า ด้วยเนื้อที่กว่า 9 ไร่ มีโซนต่างๆ ครบครัน แบงค์กิ้ง,บิวตี้,เอ็ดยูเคชั่น, เซอร์วิส ฯลฯ รวมถึง ร้านกลางคืน สีสันไนท์ไลฟ์ ซึ่งเป็นที่ต้องการมากสำหรับคนยุคใหม่ - ก่อนหน้านี้ ดำเนินธุรกิจในนามเจมาร์ท บริหารพื้นที่เช่าให้ผู้ค้ารายย่อยเปิดร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ ขยายในบิ๊กซี ปัจจุบันมีกว่าร้อยสาขา มากที่สุดในเมืองไทย ผู้เล่นรายอื่นมีไม่เกิน 6 สาขา - รายได้ โตจากปีก่อน ไม่น้อยกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ปีที่แล้ว 400 ล้านบาท ครึ่งปีแรกตามเป้า 250ล้านบาท - ปัจจุบัน รายได้หลัก เนื่องจากเราทำธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าให้ขายโทรศัพท์มือถือมาก่อน ดังนั้น ไอทีจังก์ชั่น 85 เปอร์เซ็นต์ เดอะแจส 11 เปอร์เซ็นต์ และเจมาร์เก็ต 4 เปอร์เซ็นต์ ตั้งเป้าว่าอีก 4 ปีข้างหน้าจัดเปลี่ยนไป ) เป็น 60 /20/ 20 ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าจะหยุดเติบโตในธุรกิจ แต่คาดว่าตัววอลุ่มจะน้อยกว่า และตั้งเป้าเปิด เดอะแจส ให้ได้อย่างต่ำปีละ 1 สาขา - ธุรกิจเรามี 3 ประเภท แต่ละประเภทเรามีคู่แข่ง ไอทีจังก์ชัน เรามีสาขาเยอะที่สุด เป็นผู้นำ (ผู้เล่นอื่นไม่เกิน 6 ที่) ด้านตลาดกลางคืน และศูนย์การค้าชุมชน เราเป็นน้องใหม่ จึงตองศึกษาดีๆ ก้าวช้าๆ ให้ซัคเซสในแต่ละจุด ทั้งนี้ถ้ารวมแล้วทั้งสามบิสสิเนส ถือว่าเราเป็นบริษัทฯ ที่ไม่มีคู่แข่ง ไม่มีใครทำทั้งสามโมเดล - เราทำธุรกิจมีวิชั่น คือ เพื่อชุมชนที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น นอกจากเป็นศูนย์การค้าชุมชนแล้ ว ยังพยายามสร้าง จุดเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน เปิดโอกาสให้ชุมชนมีส่วนร่วมมากที่สุด เช่น การจัดกิจกรรมประกวดความสามารถต่างๆ , สอนอาหาร นอกจากนี้ยังเชิญหน่วยงานต่างๆ ที่อยู่ในชุมชนเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ในการทำกิจกรรมร่วมกัน อาทิ กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ 1-5 ธ.ค.

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ