กรุงเทพฯ--23 พ.ย.--แบรนด์ เวลท์
เถ้าแก่น้อย หรือ TKN เจ้าตลาดขนมขบเคี้ยวประเภทสาหร่าย เปิดจองซื้อหุ้นไอพีโอ ราคา 4.00 บาท ระดมเงิน 1,440 ล้านบาท ที่ปรึกษาทางการเงินมั่นใจหุ้นพื้นฐานดี
นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN เปิดเผยถึงการนำบริษัทฯ เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า " เนื่องด้วย บริษัทฯ มีวิสัยทัศน์ที่จะขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องและสร้างให้ 'เถ้าแก่น้อย' ก้าวขึ้นเป็น แบรนด์ผู้นำระดับเอเชียภายใน 5 ปี และก้าวสู่การเป็นโกลบอลแบรนด์ภายใน 10 ปี โดยปัจจุบัน เถ้าแก่น้อยเป็นผู้นำขนมขบเคี้ยวประเภทสาหร่ายอันดับ 1 ในไทยมาแล้วกว่า 10 ปี ด้วยส่วนแบ่งการตลาดถึง 62% และส่งออกสินค้าไปจำหน่าย 35 ประเทศทั่วโลก
บริษัทฯ วางแผนระดมทุนด้วยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) ให้กับนักลงทุนสถาบันและรายย่อย จำนวน 360 ล้านหุ้น ซึ่งเป็นหุ้นใหม่ทั้งหมด ที่ราคาหุ้นละ 4.00 บาท โดยมีแผนนำเงินไปใช้ขยายกิจการ ทั้งการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ เพื่อรองรับยอดสั่งซื้อจากต่างประเทศที่มีอัตรากำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง การซื้อเครื่องจักรที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัยมาใช้ในการผลิต และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ โดยคาดว่าโรงงานแห่งใหม่จะเริ่มเดินสายการผลิตในช่วงปลายปี 2559"
ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายของ บมจ. เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) กล่าวว่า "ทางบล. เอเซีย พลัส ขอขอบคุณเถ้าแก่น้อย และรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจให้ บล. เอเซีย พลัส เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของเถ้าแก่น้อย ผมเชื่อมั่นว่าความสามารถของคณะผู้บริหารและคณะกรรมการของเถ้าแก่น้อย ผลิตภัณฑ์ตราเถ้าแก่น้อยที่ได้รับความนิยมจากประชาชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โรงงานที่มีมาตรฐานสากลและระบบการจัดจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพ จะทำให้เถ้าแก่น้อยเติบโตอย่างโดดเด่นมากกว่าบริษัทอื่นในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน จึงมั่นใจว่าหุ้นเพิ่มทุนของเถ้าแก่น้อยจะได้รับ การตอบรับอย่างสูงจากนักลงทุนสถาบันและรายย่อย
การเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ จะเป็นการเพิ่มทุนจดทะเบียนชำระแล้วของเถ้าแก่น้อย จากเดิมที่ 255 ล้านบาท เป็น 345 ล้านบาท โดยเป็นการเพิ่มทุนจำนวน 90 ล้านบาท หรือคิดเป็น 360 ล้านหุ้น ที่ราคาพาร์หุ้นละ 0.25 บาท ราคาเสนอขายอยู่ที่ 4.00 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาที่เหมาะสม และให้ส่วนลดถึง 48% เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราส่วน P/E เฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของบริษัทจดทะเบียนที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจที่ใกล้เคียงกับเถ้าแก่น้อยและอยู่ในหมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ทั้งนี้ เถ้าแก่น้อย จะระดมทุนได้ 1,440 ล้านบาท โดยจองซื้อ ได้ตั้งแต่วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน จนถึงวันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน ที่บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด ซึ่งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย และมีผู้จัดจำหน่ายอีก 5 แห่งคือ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนิตี้ จำกัด"
ทั้งนี้บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) มีผลการดำเนินงานที่เติบโตโดดเด่น โดยล่าสุด ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาตั้งแต่มกราคม-กันยายน 2558 เถ้าแก่น้อย มีรายได้จากการจำหน่าย 2,519 ล้านบาท เติบโต 35% และมีกำไรสุทธิ 245 ล้านบาท เติบโตขึ้น 128% จากช่วง 9 เดือนแรกของปีก่อน ในขณะที่ปี 2557 มีรายได้จากการจำหน่ายรวม 2,695 ล้านบาท กำไรสุทธิ 199 ล้านบาท และปี 2556 มีรายได้จากการจำหน่ายรวม 2,716 ล้านบาท กำไรสุทธิ 128 ล้านบาท.