กรุงเทพฯ--25 พ.ย.--สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงเกษตรฯ ร่วม 40 ประเทศทั่วโลก จัดงาน "วันดื่มนมโรงเรียนโลก 2015" กระตุ้นเด็กไทยหันมาดื่มนมเพื่อสุขภาพที่แข็งแรง ด้านมิลค์บอร์ดประกาศเดินหน้าหนุนต่อโครงการ ชี้ช่วยเด็กไทยกว่า 40,000 โรงเรียน จำนวน 7.6 กว่าแสนคน ได้ดื่มนมฟรี มีคุณภาพ เตรียมทำ MOU น้ำนมดิบกับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม พร้อมงัดกฎเหล็กคุมเข้มผู้ประกอบการ 77 ที่ผลิตนมไม่ได้คุณภาพตัดออกนอกระบบ
นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวแถลงข่าว "วันดื่มนมโรงเรียนโลก" ประจำปี 2558 ณ โรงแรมตรัง กรุงเทพ ว่า ตามที่องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ(FAO) ได้กำหนดให้วันพุธสุดท้ายของเดือนกันยายนของทุกปีเป็นวันดื่มนมโรงเรียนโลก(World School Milk Day) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักถึงโครงการนมโรงเรียนในแต่ละประเทศ และกระตุ้นให้เด็กและเยาวชนหันมาให้ความสำคัญกับการดื่มนมมากยิ่งขึ้น โดยวันดื่มนมโรงเรียนโลกจัดขึ้นครั้งแรกในเดือนกันยายน ปี ค.ศ. 2000 และได้จัดต่อเนื่องเป็นประจำทุกปีในแต่ละประเทศทั่วโลก สำหรับวันดื่มนมโรงเรียนโลกในปีนี้ตรงกับวันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2558 นับเป็นครั้งที่ 16 ที่ได้มีการจัดกิจกรรมวันดื่มนมโรงเรียนโลกขึ้นมา ซึ่งนอกจากประเทศไทยแล้วยังมีมากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก อาทิ จีน อิหร่าน อินเดีย อินโดนีเซีย จาไมก้า ปากีสถาน ซาอุดิอาระเบีย ทานซาเนีย ต่างก็จัดกิจกรรมนี้ขึ้น เพื่อแสดงถึงความสำคัญของโครงการนมโรงเรียนในระดับโลกกันอย่างพร้อมเพียง
"โครงการนมโรงเรียนไม่ใช่เพียงจะมีประโยชน์ต่อพัฒนาการของเด็กไทย แต่ยังเป็นโครงการที่ช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในประเทศอีกหลายพันครัวเรือนไม่ต้องเอานมมาเททิ้งเหมือนที่ผ่านมาเพราะน้ำนมดิบล้นตลาดอีกด้วย แม้ที่ผ่านมาจะมีข่าวพบนมบูด เน่าเสีย ไม่ได้คุณภาพ แต่ก็เป็นเพียงที่เกิดจากผู้ประกอบการส่วนน้อย ซึ่งมิลค์บอร์ดได้มีมติลงโทษขั้นเด็ดขาดกับผู้ประกอบการรายดังกล่าวไปแล้ว โดยตัดสิทธิไม่ให้เข้าร่วมโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ตั้งแต่ภาคเรียนนี้จนถึงภาคเรียนหน้า อย่างไรก็ตาม เหตุที่ต้องใช้เวลานานในการลงโทษ เนื่องจากต้องรอผลการตรวจสอบและการยกเลิก GMP จาก อ.ย. ซึ่งทาง อ.ย. ต้องรอบคอบ เพราะเป็นการดำเนินการตามกฎหมาย พรบ.อาหาร พ.ศ.2522" นายธีรภัทร กล่าว
ด้านนายสุชาติ จริยาเลิศศักดิ์ รองผู้อำนวยการ ทำการแทนผู้อำนวยองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย(อ.ส.ค.) กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการอาหารเสริม(นม)โรงเรียนในประเทศไทยเกิดขึ้นเพราะรัฐบาลได้ตระหนักถึงความสำคัญของภาวะโภชนาการในเด็กไทย จึงได้จัดตั้งโครงการอาหารเสริม(นม) โรงเรียนขึ้นตั้งแต่ปีพ.ศ.2535 เพื่อแก้ปัญหาการขาดสารอาหารในเด็ก เนื่องจากนมเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เมื่อเด็กนักเรียนได้ดื่มจะทำให้เกิดการพัฒนาทั้งทางร่างกายและสติปัญญาอย่างครบถ้วนอันจะเป็นพื้นฐานในการพัฒนาประเทศชาติ และสนับสนุนการใช้น้ำนมดิบในโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคนมของรัฐบาล ซึ่งสามารถช่วยแก้ปัญหาน้ำนมดิบล้นตลาดของเกษตรกรได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเบื้องต้นรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณกว่า 270 ล้านบาท ต่อมาได้เพิ่มจำนวนเด็กนักเรียน และจำนวนวันที่จัดให้เด็กนักเรียนดื่มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันการดำเนินงานโครงการอาหารเสริม(นม)โรงเรียน ได้จัดให้เด็กนักเรียนตั้งแต่ระดับเตรียมประถมจนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ดื่มนมโรงเรียนเทอมละ 130 วัน สามารถรองรับน้ำนมดิบของเกษตรกรได้วันละ 1,200 ตัน จากน้ำนมดิบที่ผลิตได้ทั่วประเทศถึง 2,800 ตัน/วัน นมโรงเรียนได้กระจายไปยังโรงเรียนต่างๆ กว่า 40,000 โรงเรียนทั่วประเทศ เด็กนักเรียนกว่า 7,600,000 คน โดยได้จัดสรรสิทธิการจำหน่ายนมให้กับผู้ประกอบการ จำนวน 77 ราย รวมงบประมาณ 6,819.13 ล้านบาท ภายใต้ระบบการทำ MOU น้ำนมดิบกับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม