กรุงเทพฯ--8 พ.ย.--ทำเนียบรัฐบาล
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ให้คณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งเป็นผู้พิจารณาว่า สมควรกำหนดให้จ่ายเงินเพิ่มพิเศษหรือไม่อย่างไร โดยพิจารณาเป็นเรื่องใหม่เฉพาะแห่ง ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจใดประสงค์จะขอเงินเพิ่มพิเศษสาขาวิชาชีพเฉพาะหรือเงินเพิ่มพิเศษในลักษณะอื่นใดตามความจำเป็นของแต่ละรัฐวิสาหกิจ ให้รัฐวิสาหกิจนั้นพิจารณานำเสนอเรื่องดังกล่าวโดยผ่านกระทรวงเจ้าสังกัดเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาโดยตรงต่อไป
ทั้งนี้ เนื่องจากกระทรวงการคลังรายงานว่า ได้พิจารณาและดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนี้
1. กระทรวงการคลังได้หารือกับกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมเพื่อขอความเห็นในการแก้ปัญหาการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษสาขาวิชาชีพเฉพาะของพนักงานรัฐวิสาหกิจ ซึ่งกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมได้ให้ความเห็นว่า
1.1 คณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์มีอำนาจและหน้าที่ในการกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำหรือกรอบของสภาพการจ้างที่เกี่ยวกับการเงิน หรือให้ความเห็นชอบข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง หรือวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทแรงงานที่เกิดจากการยื่นข้อเรียกร้องของฝ่ายนายจ้างหรือสหภาพแรงงาน สภาพการจ้างที่กฎหมายให้อำนาจคณะกรรมการฯ กำหนด ก่อให้เกิดการจ้างและการทำงานที่มั่นคงเป็นธรรม และเอื้ออำนวยต่อการบริหารงานของรัฐวิสาหกิจ เช่น การกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ การกำหนดบัญชีโครงสร้างอัตราเงินเดือน การจัดทำบัญชีโครงสร้างอัตราเงินเดือนแยกตามกลุ่มงาน ซึ่งใช้บังคับแก่พนักงานลูกจ้างและรัฐวิสาหกิจทั่ว ๆ ไป ส่วนสภาพการจ้างที่เกิดจากการยื่นข้อเรียกร้องของฝ่ายนายจ้างหรือสหภาพแรงงาน คณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์จะต้องพิจารณาให้ความเห็นชอบและวินิจฉัยชี้ขาด โดยอาศัยหลักเกณฑ์การบริหารงานของรัฐ และถ้าเกี่ยวกับการเงินต้องเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบต่อไป
1.2 กรณีการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษสาขาวิชาชีพเฉพาะ เป็นเงินที่อยู่นอกเหนือเงินเดือน ค่าจ้างปกติที่พนักงานทั่วๆ ไปได้รับ และการจะจ่ายได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับความจำเป็นด้านการบริหารบุคลากร และความสามารถในการจ่ายของแต่ละรัฐวิสาหกิจ รวมถึงฐานะการเงินการคลังของประเทศเป็นสำคัญ มิได้เกี่ยวข้องกับงานในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯ ดังกล่าวข้างต้นแต่อย่างไร
2. เพื่อให้การพิจารณาเรื่องดังกล่าวเป็นไปอย่างเหมาะสม และมิให้เกิดปัญหาการบริหารงานกับพนักงานกลุ่มอื่นภายในองค์กร กระทรวงการคลังจึงได้เชิญกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลัง และผู้บริหารระดับสูงของรัฐวิสาหกิจที่ร้องขอให้ยังคงมีการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษสาขาวิชาชีพเฉพาะมาร่วมประชุมพิจารณา ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าขณะนี้ความจำเป็นในการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษสาขาวิชาชีพที่ขาดแคลนได้หมดไปแล้ว อย่างไรก็ตาม มีรัฐวิสาหกิจบางแห่งยังเห็นความจำเป็นในการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษให้กับบุคลากร เนื่องจากเป็นสายงานหลักขององค์กรและเป็นบุคลากรที่หาบุคคลทดแทนได้ยากรวมทั้งเพื่อรักษาบุคลากรที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางขององค์กรไว้ ทั้งนี้ ไม่ควรยึดเกี่ยวกับกลุ่มบุคคลที่เคยได้รับเงินเพิ่มพิเศษสาขาวิชาชีพที่ขาดแคลน
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังพิจารณาแล้วมีความเห็นว่า รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งมีความจำเป็นในการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษให้พนักงานแตกต่างกัน ดังนั้น คณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งจึงควรเป็นผู้พิจารณาว่า สมควรกำหนดให้จ่ายเงินเพิ่มพิเศษหรือไม่อย่างไร โดยพิจารณาเป็นเรื่องใหม่เฉพาะแห่ง ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจใดประสงค์จะขอเงินเพิ่มพิเศษสาขาวิชาชีพเฉพาะหรือเงินเพิ่มพิเศษในลักษณะอื่นใดตามความจำเป็นของแต่ละรัฐวิสาหกิจ ให้รัฐวิสาหกิจนั้นพิจารณานำเสนอเรื่องดังกล่าว ผ่านกระทรวงเจ้าสังกัดเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาโดยตรงต่อไป--จบ--
-สส-