กรุงเทพฯ--30 พ.ย.--ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
แบรนด์มัลลิการ์ อินเตอร์ฟู๊ด ธุรกิจร้านอาหารที่ก่อตั้งมายาวนานกว่า 20 ปี และปัจจุบันได้ขยายธุรกิจ มีทั้งหมด 5 แบรนด์ คือ ร้าน อ.มัลลิการ์ เรือนมัลลิการ์ เย็นตาโฟเครื่องทรง รวมทั้ง Papa Pond Pizza และ ปังยิ้มเบเกอรี่ เล็งขยายสาขาทั้งในและต่างประเทศ และรุกตลาดเป้าหมายกลุ่มลูกค้าคุณภาพเพิ่มขึ้น
คุณชมพลอย หลีระพันธ์ Operations & Supply Chain Manager บริษัท มัลลิการ์ อินเตอร์ฟู้ด จำกัด และนิสิต EMBA สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ( sasin )เปิดเผยถึง หน้าที่ในการทำงานว่า ดูเรื่องการผลิตอาหารพร้อมปรุงทั้งหมด อาทิ วัตถุดิบในการผลิต รวมทั้งโรงงานผลิตเบเกอรี่ และไอศกรีมต่างๆ และการจัดส่งไปยังทุกสาขาทั้งหมด พร้อมควบคุมคุณภาพตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง การบริหารฝ่ายผลิตอาหาร การบริหารคลังสินค้า การเทรนนิ่งพนักงาน ทำยังไงให้คุณภาพ รสชาติอาหารออกมาเหมือนกันทุกจาน
สำหรับแบรนด์ที่โดดเด่น คือร้านเย็นตาโฟเครื่องทรง โดย อ.มัลลิการ์ ปัจจุบันมี 25 สาขาในประเทศ และอีก 2สาขาอยู่ที่ประเทศลาว รวมทั้งต้นปีหน้าเตรียมเปิดที่บุรีรัมย์และอุดรธานี และกำลังเตรียมการขายแฟรนไชส์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ไต้หวัน สิงคโปร์ เป้าหมายคือ อยากให้คนต่างชาติได้รู้จักอาหารไทย ที่เป็นอาหารไทยจริงๆ ส่วนใหญ่อาหารไทยที่มีในต่างประเทศ มักจะมีการปรับรสชาติให้เข้ากับประเทศนั้นๆ แต่ถ้าเป็นร้านอาหารในเครือของบริษัท มัลลิการ์ อินเตอร์ฟู้ด จำกัด เราจะเน้นหน้าตาและรสชาติที่เป็นไทยแท้จริงๆ นอกจากนี้ร้านเรือนมัลลิการ์ เรากำลังวางโครงการหา partner ไปเปิดที่ประเทศในแถบ ASEAN อีกด้วย
คุณชมพลอย เปิดเผยเพิ่มเติมว่า กำลังวางแผนขยายธุรกิจ Catering Service (เคเทอริ่ง) ซึ่งจะให้บริการอาหารจัดเลี้ยงของทุกแบรนด์ในเครือ เช่น ร้าน อ.มัลลิการ์ ให้บริการซุ้มอาหาร, Buffet, Meal Box, Cocktail Food และยังมีอาหารพร้อมทานแช่แข็งอีกด้วย ร้านเย็นตาโฟเครื่องทรงก็จะไปในรูปแบบ kiosk ตามงานเลี้ยงต่างๆ และร้าน ปังยิ้ม จะให้บริการ Snack Box ตลาดเคเทอริ่งเป็นที่นิยมและมีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง แต่เราไม่แข่งเรื่องราคา เพราะเชื่อมั่นในคุณภาพอาหารของเรา โดยเน้นลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับเรื่องคุณภาพอาหาร ความอร่อย ที่ผ่านมาเราได้รับการติดต่อจากลูกค้าเองให้จัดส่งอาหารไปตามที่ต่างๆ แต่ปัจจุบันเราจะทำการตลาดเชิงรุกมากขึ้นโดยมีฝ่ายขายไปนำเสนอตามบริษัท องค์กร ต่างๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันการแข่งขันธุรกิจทางด้านธุรกิจร้านอาหาร มีการแข่งขันสูงมาก ถ้าจะอยู่ได้อย่างมั่นคง ยั่งยืน ต้องมีคุณภาพ และรักษาคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ และการขยายสาขาเยอะขึ้น ทำให้ลูกค้าเข้าถึงอาหารในแบบฉบับของ อ.มัลลิการ์ ได้ทั่วถึงมากขึ้นไปด้วย การทำเคเทอริ่งก็เป็นการแข่งขันทางการตลาดอีกทางหนึ่ง คือแทนที่จะให้ลูกค้ามาหาเรา เราก็ต้องออกไปหาลูกค้าเพื่อความสะดวกของลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์คนเมือง ซึ่งต้องการความสะดวกสบาย ไม่ต้องเดินทางมาที่ร้าน แต่ยังได้รับประทานอาหารจากร้านที่ชื่นชอบ
ธุรกิจอาหารของเราอยู่มายาวนานและเป็นที่รู้จัก เพราะคุณภาพอาหารและรสชาติอร่อยสม่ำเสมอ ความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นอาหารไทยแท้ ที่สำคัญอาหารทุกอย่างปลอดสารพิษ เรามีโรงล้างผักเองโดยใช้น้ำชีวภาพที่หมักจากเปลือกมะนาว เน้นความสะอาดทุกขั้นตอน รวมทั้งการรักษาสิ่งแวดล้อม เช่นน้ำชีวภาพที่เราหมัก นอกจากใช้ล้างผักยังใช้แทนน้ำยาล้างจานหรือสารเคมีอื่นๆภายในร้าน และการผลิตไบโอแก๊สจากเศษอาหารเพื่อใช้หุงต้ม
ปัจจุบันเรียน EMBA ที่ศศินทร์ เนื่องจากสามารถนำไปใช้ต่อยอดในการทำธุรกิจครอบครัวได้เป็นอย่างดี เช่น การจัดการ การบริหารธุรกิจทั้งระบบ ทั้งทางด้านการวิเคราะห์การเงิน บัญชี บุคคล การจัดการ และการมองภาพรวมขององค์กร ซึ่งมั่นใจว่าจะปูพื้นฐานแนวคิดการทำธุรกิจได้ดีขึ้น