กรุงเทพฯ--30 พ.ย.--บลจ.กสิกรไทย
นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า เพื่อตอบโจทย์ความต้องการสำหรับผู้ลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ระดับต่ำ และต้องการล็อกผลตอบแทนกับกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการ รวมถึงลูกค้ากลุ่มเดิมที่มีกองทุนครบกำหนดอายุและยังต้องการลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้ต่อเนื่อง บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน บีเอ็ม (KFF6MBM) ระหว่างวันที่ 1- 3 ธันวาคม 2558 ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 1.85% ต่อปี โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี
นายนาวินกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างตุรกีและรัสเซียในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สถานการณ์ดูเหมือนจะเริ่มผ่อนคลายมากขึ้นภายหลังจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียเปิดเผยว่า รัสเซียไม่มีความต้องการที่จะทำสงครามกับประเทศตุรกีซึ่งสอดคล้องกับคำกล่าวของผู้นำประเทศตุรกีเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม บลจ.กสิกรไทยมองว่ายังเป็นเรื่องที่ต้องติดตามประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงสั้น กองทุนตราสารหนี้แบบกำหนดอายุโครงการของบลจ.กสิกรไทยที่จะเปิดเสนอขายในสัปดาห์นี้ จึงได้หยุดลงทุนในตราสารหนี้ตุรกีออกไปชั่วคราว เพื่อรอประเมินผลกระทบอย่างใกล้ชิด
"ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้มีการลงทุนในตราสารหนี้ของสถาบันการเงินในตุรกีผ่านกองทุนประเภท Term Fund โดยคิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 6.3 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 38% ของกองทุนประเภท Term Fund ทั้งหมด และเป็นกองทุนที่เปิดเสนอขายสำหรับผู้ลงทุนในกลุ่ม AI หรือผู้ลงทุนที่มิใช่รายย่อยและผู้มีเงินลงทุนสูงทั้งหมด ทั้งนี้ด้วยกระบวนการบริหารความเสี่ยงที่เป็นระบบของบริษัท ซึ่งมีการคัดเลือกผู้ออกตราสารที่มีอันดับความน่าเชื่อถือที่ดี บลจ.กสิกรไทยประเมินว่าสถาบันการเงินในตุรกีที่กองทุนไปลงทุน ยังคงมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และจากเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่ส่งผลกระทบต่อกองทุนแต่อย่างใด นอกจากนี้ตราสารที่เข้าไปลงทุน เป็นการลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวนไว้แล้ว ผู้ลงทุนจึงสามารถคลายความกังวลลงไปได้" นายนาวินกล่าว
บลจ.กสิกรไทย ยังได้เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนต่อเนื่องให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดอายุโครงการ (Fixed Term Fund) ของบลจ.กสิกรไทย ซึ่งเมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนเลือกได้กองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค เอ็มพลัส (K-MPLUS) ซึ่งอยู่ในกลุ่มกองทุนรวมตราสารหนี้ ของบลจ.กสิกรไทย
นายนาวินกล่าวถึงรายละเอียดของกองทุนต่อไปว่า สำหรับตราสารหนี้ที่กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน บีเอ็ม (KFF6MBM) จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วยเงินฝาก Union National Bank, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, เงินฝาก Abu Dhabi Commercial Bank, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, ตราสารหนี้ Agricultural Bank of China, ตราสารหนี้ China Construction Bank Corporation และตราสารหนี้ ICBC (Asia) Ltd., ฮ่องกง โดยตราสารที่กล่าวมามีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) และกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ทั้งนี้ผู้ลงทุนสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท
สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนกับกองทุน KFF6MBM สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถาม KAsset Contact Center 0 2673 3888 หรือที่ www.kasikornasset.com