กรุงเทพฯ--9 พ.ย.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จัดอันดับเครดิตเบื้องต้นให้แก่หุ้นกู้มูลค่ารวม 9,500 ล้านบาทของ บริษัท ดีเอดี เอสพีวี จำกัด (เอสพีวี หรือ
ผู้ออกตราสาร) จำนวน 4 ชุด ซึ่งมีอายุ 7 ปี 10 ปี 15 ปี และ 20 ปี ที่ระดับ “AAA” เอสพีวีจัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายของประเทศไทย และคาดว่าจะได้รับสถานะนิติบุคคลเฉพาะกิจตามพระราชกำหนดนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์จากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยมี บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) ซึ่งถือหุ้นทั้งหมดโดยกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้น 25% ของเอสพีวี หุ้นกู้ดังกล่าวออกภายใต้โครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ของเอสพีวีซึ่งมีมูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 24,000 ล้านบาท เงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ทั้ง 4 ชุดในครั้งนี้จะนำไปใช้ในการก่อสร้างศูนย์ราชการแห่งใหม่ที่ถนนแจ้งวัฒนะ สำหรับหุ้นกู้ส่วนที่เหลือคาดว่าจะออกในช่วงปี 2549-2550
ทริสเรทติ้งรายงานว่า อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงความน่าเชื่อถือของผู้เช่าศูนย์ราชการเพียงรายเดียวคือกรมธนารักษ์ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลไทย โดยรัฐบาลไทยมีอันดับเครดิตสูงสุดที่ระดับ “AAA” รวมทั้งสะท้อนถึงความแน่นอนของกระแสเงินสดที่จะได้รับจากรายได้ค่าเช่าและค่าบริการต่างๆ จากผู้เช่าซึ่งเพียงพอต่อการชำระหนี้ตามกำหนดเวลา หุ้นกู้ดังกล่าวมีการจัดโครงสร้างให้ได้รับค่าเช่าจากกรมธนารักษ์ซึ่งมีสัญญาเช่าพื้นที่อาคารอายุ 30 ปี สัญญาบริการอายุ 30 ปี และสัญญาบริการจัดหาเฟอร์นิเจอร์อายุ 5 ปีกับ ธพส. โดยผู้เช่าไม่สามารถที่จะยกเลิกสัญญาเหล่านี้ได้หากหุ้นกู้ที่ออกภายใต้โครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์นี้ หรือตราสารหนี้อื่นใดที่ได้จัดให้มีขึ้นเพื่อทดแทนหรือเพื่อชำระหนี้หุ้นกู้ดังกล่าวยังไม่ได้รับชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยจนครบถ้วน นอกจากนี้ ผู้เช่ายังคงต้องชำระค่าเช่าตามสัญญานี้แม้ว่าอาคารดังกล่าวจะเสื่อมสภาพหรือถูกทำลายเสียหาย ทั้งนี้ การออกหุ้นกู้เพิ่มเติมภายใต้โครงการนี้จะต้องไม่ส่งผลกระทบให้อันดับเครดิตของหุ้นกู้ที่มีอยู่ในปัจจุบันลดลง
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า โครงการนี้เกิดขึ้นจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2547 ที่อนุมัติให้มีการสร้างศูนย์ราชการแห่งใหม่ที่ถนนแจ้งวัฒนะโดยการระดมทุนผ่านนิติบุคคลเฉพาะกิจ (เอสพีวี) ด้วยวิธีการแปลงสินทรัพย์ให้เป็นหลักทรัพย์ โดยมติ ครม. ดังกล่าวอนุมัติให้กรมธนารักษ์ตั้งงบประมาณเพื่อชำระค่าเช่าแทนทุกหน่วยงานในศูนย์ราชการตลอดอายุสัญญาเช่า 30 ปี ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้สูงที่กรม
ธนารักษ์จะได้รับการจัดสรรเงินงบประมาณดังกล่าวแม้จะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาทุกปีก็ตาม โดยกรมธนารักษ์ได้จัดตั้ง ธพส. ขึ้นมาให้เป็นผู้ทำหน้าที่รับผิดชอบในการสร้างและพัฒนาศูนย์ราชการแห่งใหม่ดังกล่าวโดย ธพส. จะทำสัญญา 2 ชุดเพื่อเช่าที่ดินจากกระทรวงการคลังระยะเวลา 33 ปี โดยสัญญาชุดแรกเป็นการก่อสร้างอาคารศูนย์ราชการระยะเวลา 3 ปี และชุดที่ 2 เป็นการเช่าที่ดินเพื่อบริหารโครงการระยะเวลา 30 ปี หลังจากนั้นกรมธนารักษ์ในฐานะตัวแทนของหน่วยงานราชการต่างๆ จะเป็นผู้ทำสัญญาเช่าพื้นที่อาคารอายุ 30 ปี สัญญาบริการอายุ 30 ปี และสัญญาบริการจัดหาเฟอร์นิเจอร์อายุ 5 ปีกับ ธพส.
ทริสเรทติ้งระบุว่า ธพส. จะระดมทุนเพื่อใช้ในการก่อสร้างศูนย์ราชการแห่งใหม่นี้โดยการขายสิทธิในการรับชำระค่าเช่าและค่าบริการจากกรมธนารักษ์ให้แก่เอสพีวีมูลค่าประมาณ 40,000 ล้านบาท โดยเอสพีวีจะชำระเงินให้แก่ ธพส. ในรูปของเงินสดซึ่งบางส่วนมาจากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้และในรูปของตั๋วสัญญาใช้เงินด้อยสิทธิซึ่งจะได้รับชำระเงินคืนในลำดับรองจากผู้ถือหุ้นกู้ การจัดโครงสร้างในลักษณะนี้จะช่วยสนับสนุนอันดับเครดิตของหุ้นกู้และเป็นการรับรองว่า ธพส. จะโอนสิทธิในการรับเงินค่าเช่าและค่าบริการทั้งหมดจากกรมธนารักษ์ให้แก่เอสพีวีภายในวันที่ออกหุ้นกู้ครั้งแรก โดยไม่คำนึงว่าหุ้นกู้ที่ออกจะมีมูลค่าเท่าใด หรือเอสพีวีจะสามารถออกหุ้นกู้เพิ่มเติมได้หรือไม่ ศูนย์ราชการแห่งนี้มีพื้นที่สำนักงานให้เช่าทั้งหมด 484,000 ตารางเมตร รวมมูลค่าก่อสร้างทั้งสิ้น 19,016 ล้านบาท คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2551 และกรมธนารักษ์รับหน้าที่ในการจ่ายค่าเช่ารายปีและค่าบริการล่วงหน้าให้แก่เอสพีวีโดยตรงตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2551 เป็นต้นไปโดยไม่คำนึงว่าการก่อสร้างโครงการจะแล้วเสร็จหรือไม่ ทั้งนี้ เอสพีวีจะนำเงินที่ได้มาชำระภาษี ค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายบุคคลที่เกี่ยวข้อง และชำระคืนหนี้หุ้นกู้--จบ--