กรุงเทพฯ--3 ธ.ค.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ เดินเกมรุกธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ญี่ปุ่นต่อเนื่อง ล่าสุด เซ็นสัญญากับพันธมิตรเดิมเพื่อขยายอาณาจักรธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบโซล่าร์ฟาร์มเพิ่มเติมอีก 17 เมกกะวัตต์ คาดสามารถ COD ได้ภายในปี 2560 หากรวมจากโครงการอื่นที่เซ็นสัญญาแล้ว จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 42 เมกกะวัตต์ ส่งผลให้รายได้รวมของกลุ่มบริษัทโดยรวมโตกว่า 50% หรือรายได้เพิ่มกว่า 500 ล้านบาท ต่อปี
ดร.แคทลีน มาลีนนท์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TSE ผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ให้แก่ภาครัฐ เปิดเผยว่า จากนโยบายบริษัทฯ ที่ต้องการลงทุนขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ไปยังภูมิภาคในเอเชียให้มากขึ้น โดยมีประเทศญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายการลงทุนที่บริษัทฯ ต้องการรุกขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งรูปแบบโซล่าร์ฟาร์มและโรงไฟฟ้าพลังงานประเภทอื่นๆ ผ่านบริษัทฯ ย่อย TSE Group International Pte Ltd ที่จดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์
ล่าสุด TSE ได้เซ็นสัญญาขยายการลงทุนกับกลุ่ม Prospec Holding Inc. ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรเดิม เพื่อลงทุนพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบโซล่าร์ฟาร์มอีก 17 เมกกะวัตต์ ที่เมือง Hanamizuki คาดว่าจะใช้เงินลงทุนพัฒนาโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท และใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 2 ปี ทั้งนี้จะเริ่ม COD ได้ภายในปี2560 และตั้งเป้าทำรายได้จากโครงการนี้มากกว่า 200 ล้านบาท ต่อปี
"เป้าหมายของการดำเนินงานของ TSE ในตลาดต่างประเทศ ต้องการมีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และโรงไฟฟ้าพลังงานประเภทอื่นๆ ในต่างประเทศกำลังการผลิตรวม 300 เมกกะวัตต์ภายใน 3 ปีข้างหน้า ซึ่งภายหลังการเซ็นสัญญาครั้งนี้จะทำให้ในปีนี้ TSE มีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการในต่างประเทศรวมทั้งสิ้น 42 เมกกะวัตต์ และบางโครงการจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ต้นปีหน้า ซึ่งเป็นไปตามแผนงานที่บริษัทได้วางไว้" ดร.แคทลีน กล่าว
ทั้งนี้ การเซ็นสัญญาครั้งล่าสุดของ TSE นั้น ถือเป็นการรุกดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่กลางปีนี้ TSE ได้จับมือพันธมิตรจากญี่ปุ่น 2 กลุ่มได้แก่ กลุ่ม Eco Solar Japanและกลุ่ม Prospec Holding Inc. ร่วมพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบโซล่าร์ฟาร์ม รวม 25 เมกกะวัตต์ ที่ใช้เงินลงทุนประมาณ 2,500 ล้านบาท และสามารถทำรายได้ต่อปีอย่างน้อย 300 ล้านบาท โดยในส่วนของ 25 เมกกะวัตต์นี้ จะสามารถทยอย COD ได้ ตั้งแต่ต้นปี 2559
ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TSE กล่าวว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรทางธุรกิจพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าอีก 2 - 3 โครงการ กำลังการผลิตรวมกว่า 100 – 200 เมกกะวัตต์ โดยมีทั้งรูปแบบโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และโรงไฟฟ้าจากพลังงานประเภทอื่นๆ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงต้นปี 2559 ทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้าโดยรวมของ TSE เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
"เราพร้อมที่จะรุกขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในภูมิภาคเอเชีย ทั้งรูปแบบพลังงานแสงอาทิตย์และโรงไฟฟ้าจากพลังงานประเภทอื่นๆ โดยร่วมมือกับพันธมิตรพัฒนาโครงการเพื่อผลักดันให้ TSE ก้าวสู่การเป็นบริษัทฯ ชั้นนำในธุรกิจพลังงานในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น และประเทศสมาชิก AEC โดยตั้งแต่ปี 2559เป็นต้นไป TSE จะเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากโครงการในต่างประเทศซึ่งจะเข้ามาช่วยหนุนผลการดำเนินงานของเราให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งต่อไป" ดร.แคทลีน กล่าว