กรุงเทพฯ--3 ธ.ค.--พีอาร์ดีดี
สภาวะตลาดวันที่ 03 ธันวาคม 2558 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,046.60-1,055.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 17,950 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวลดลง 200 บาทจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,150 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFZ15 อยู่ที่ 17,960 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 240 บาทจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,200 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 17.30 น.ของวันที่ 03/12/15)
แนวโน้มวันที่ 04 ธันวาคม 2558
กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองคำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกปรับลดการถือครองทองคำลงถึง15.776 ตัน หรือ 2.41% สู่ 639.023 ตันเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2008 และเป็นการลดลง มากที่สุดในวันเดียวเมื่อคิดเป็นเปอร์เซนต์ในรอบ 4 ปี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแรงขายทองคำมีออกมาอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับรายงานของคณะกรรมการการค้าสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐ (CFTC) เปิดเผยว่า กองทุนเฮดจ์ฟันด์และผู้จัดการกองทุนได้ปรับเพิ่มสถานะขายสุทธิในทองคำขึ้นสู่สถิติสูงสุดในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 24 พฤศจิกายน โดยปรับเพิ่มสูงขึ้น 5,666 สัญญาสู่ 14,655 สัญญา ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดของสถานะขายสุทธิในทองคำนับตั้งแต่เริ่มมีการจัดทำตัวเลขนี้ในปี 2006 เป็นต้นมา ทั้งนี้ ราคาทองคำถูกกดดันเพิ่มเติม เมื่อความเห็นจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทำให้การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐในกลางเดือนนี้จะเกิดขึ้นแทบจะแน่นอน ซึ่งทองคำอ่อนตัวลงทำระดับต่ำสุดครั้งใหม่ในรอบเกือบ 6 ปีหลังจาก สกุลเงินดอลลาร์พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 12 ปีครึ่ง ขณะที่นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังในการเข้าซื้อทองคำก่อนกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพฤศจิกายนในวันศุกร์นี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการสำรวจโดยรอยเตอร์คาดว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรอาจเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 271,000 ตำแหน่งในเดือนตุลาคม และอัตราการว่างงานอาจทรงตัวที่ 5.0% สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อยแนะนำให้ชะลอการลงออกไปก่อนเพื่อรอดูการตั้งฐานของราคาทองคำ ประกอบกับตลาด Thailand Futures Exchange (TFEX) ปิดทำการเนื่องใน "วันหยุดชดเชยวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ในวันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ซึ่งนักลงทุนควรวางแผนการลงทุนอย่างรอบครอบเนื่องจากตลาดทองคำต่างประเทศยังเปิดทำการส่งผลให้จะเกิดความเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้น
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณที่ 1,063 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 1,074 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบ้างส่วนออกมาบ้าง หรือถ้าราคาสามารถผ่านไปได้ให้นักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้แนะนำให้ถือต่อไป เพื่อไปขายทำกำไรที่แนวต้านถัดไป และหากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมา ไม่หลุดแนวรับ แนะนำนักลงทุนสามารถเก็งกำไร โดยเน้นไปที่การลงทุนระยะสั้น ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,044-1,040 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,030 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งนักลงทุนควรตั้งจุดตัดขาดทุนเพื่อควบคุมความเสี่ยง
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,040 (17,640บาท) 1,030 (17,470บาท) 1,018 (17,260บาท)
แนวต้าน 1,063 (18,030บาท) 1,074 (18,220บาท) 1,080 (18,320บาท)
GOLD FUTURES (GFZ15)
แนวรับ 1,040 (17,790บาท) 1,030 (17,620บาท) 1,018 (17,420บาท)
แนวต้าน 1,063 (18,180บาท) 1,074 (18,370บาท) 1,080 (18,470บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999 และการลงทุนด้านทองคำแท่ง โทร.02-687-9888
สนใจลงทุนทองคำแท่งและโกลด์ฟิวเจอร์ส สามารถติดตามสัมมนาทุกสัปดาห์ได้ที่ www.ylgbullion.co.th หรือ www.ylgfutures.co.th สอบถามเพิ่มเติมติดต่อ 02-687-9999 ต่อ 4148