กรุงเทพฯ--4 ธ.ค.--สำนักงาน ป.ป.ช.
เมื่อวันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน 2558 นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. และนายมาร์ติน ฮาร์ท ฮานเซ่น (Mr. Martin Hart-Hansen) ผู้แทนสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme: UNDP) ประจำประเทศไทย ได้ลงนามในปฏิญญาความร่วมมือ (Declaration of Partnership) ระหว่าง สำนักงาน ป.ป.ช. และ UNDP โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้ความชำนาญ การให้ความช่วยเหลือรวมถึงการสนับสนุนการต่อต้านการทุจริตให้เป็นรูปธรรมผ่านโครงการ และกิจกรรมต่างๆ โดยในงานนี้ได้รับเกียรติจากนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. พร้อมด้วยศาสตราจารย์ภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช. ให้เกียรติเป็นประธานและสักขีพยานในพิธีด้วย
นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า "ปฏิญญาความร่วมมือฉบับนี้ นับเป็นการยกระดับความร่วมมือของทั้งสองหน่วยงาน ซึ่งทั้งสองฝ่ายเชื่อมั่นว่าความร่วมมืออย่างใกล้ชิดจะสามารถสร้างและพัฒนาโครงการรณรงค์การต่อต้านการทุจริตที่ประสบความสำเร็จ"
ขณะที่นายมาร์ติน ฮาร์ท ฮานเซ่น ก็ได้กล่าวถ้อยแถลงโดยมีใจความตอนหนึ่งว่า "UNDP พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับสำนักงาน ป.ป.ช. ในการกำหนดแผนปฏิบัติการ (action plan) เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการจัดกิจกรรมต่างๆ อันเป็นการสนับสนุนการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างมีประสิทธิภาพต่อไปในอนาคต"
ทั้งนี้ สำนักงาน UNDP เป็นองค์กรเพื่อการพัฒนาภายใต้หน่วยงานสหประชาชาติ ทำหน้าที่หลักในการประสานความช่วยเหลือในด้านการพัฒนาให้แก่ประเทศต่างๆ ทั้งในด้านการเกษตร อุตสาหกรรม การศึกษา และสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังมีบทบาทส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงและการเชื่อมโยงประเทศต่างๆ ด้วยความรู้ ประสบการณ์ และทรัพยากร เพื่อนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน โดยในฐานะองค์กรเพื่อการพัฒนาซึ่งตระหนักว่าการทุจริตเป็นปัญหาและอุปสรรคหลักที่ขัดขวางการพัฒนาของประเทศนั้น UNDP ได้ร่วมมือกับสำนักงาน ป.ป.ช. ตลอดจนหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนดำเนินโครงการเพื่อการต่อต้านการทุจริตมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ กิจกรรมวันต่อต้านการทุจริตสากล ค่ายเยาวชนสัมพันธ์ โครงการเครือข่ายเยาวชนต่อต้านการทุจริต ภายใต้แนวคิด "คอร์รัปชัน ฉันไม่ขอรับ" ซึ่งล่าสุดได้เปิดตัวร้านกาแฟ "คอร์รัปชัน ฉันไม่ขอรับ" เพื่อเป็นพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ได้แสดงความคิดเห็น และร่วมกันแก้ไขปัญหาทุจริตในสังคมขนาดเล็กและชุมชนของตน โดยมุ่งหวังให้ขยายผลการสร้างเครือข่ายป้องกันการทุจริตที่ยั่งยืนต่อไป