กรุงเทพฯ--4 ธ.ค.--สถานีโทรทัศน์ช่อง8
กลายเป็นข่าวฮือฮาทั่วบ้านทั่วเมืองกับเรื่องราวของหนุ่มวัย 19 ปียอดกตัญญูต่อสู้ชีวิตมาตั้งแต่อายุ 6 ขวบหลังต้องเสียคุณพ่อและสู้ชีวิตมากับแม่เพียงสองคน ขนาดต้องไปขอเศษพักจากร้านเอ็มเคมาทำอาหารประทังชีวิตแต่ไม่เคยคิดท้อแท้กับชีวิต จนปัจจุบันทำความฝันสำเร็จกับการสอบเข้ารับราชการทหารอากาศได้ ล่าสุด จ่าอากาศโทเปรม จันทะวงศ์ พร้อมด้วย คุณแม่นุ้ย รุจาภา จันทะวงศ์ ได้มาเปิดใจถึงการต่อสู้ชีวิตและความกตัญญูของลูกชายในรายการ ปากโป้ง ทางช่อง 8 ที่มี หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย และ เข็ม ลภัสรดา ช่วยเกื้อ เป็นพิธีกรว่า
แม่นุ้ย กล่าวว่า "เดิมเป็นคนชาวจังหวัดลำปางหลังจากที่คุณพ่อเสียชีวิตจากอุบัติเหตุตอนอายุ 6 ขวบก็ทำให้ชีวิตของครอบครัวเปลี่ยนทันที ยอมรับว่าฐานะของครอบครัวค่อนข้างลำบากมากๆ เคยคิดเหมือนว่าจะหลังจากที่พ่อเขาเสียแล้วจะเลี้ยงลูกไปในแบบไหน ตอนนั้นคุณแม่ทำงานอยู่ร้านขายยาก็มีรายได้ไม่มากและยิ่งคุณพ่อมาเสียอีกก็ยิ่งทำให้ลำบากมากขึ้น ช่วงนั้นลำบากมากแต่ก็ไม่กล้าที่จะบอกทางบ้านคุณแม่ของเราเพราะกลัวว่าเขาจะเป็นห่วงและกังวลก็เลยทนและสู้ชีวิตกันสองคน ขนาดเคยช่วงหนึ่งต้องไปขอเศษผักจากร้านเอ็มเคมาทำอาหารประทังชีวิตกันเพราะเงินเรามีจำกัดถ้าเอาเงินไปซื้ออาหารกินลูกก็จะไม่มีเงินไปโรงเรียนก็ทำแบบนี้อยู่บ่อยครั้งเหมือนกันเพราะมันช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ที่จะต้องเอาเงินไปซื้ออาหาร"
"ตอนที่อยู่ลำปางน้องเปรมก็ดูแลแม่อย่างดีเวลาที่น้องเขาได้รับเงินทุนการศึกษาก็จะนำเงินมาให้แม่เก็บไว้หรือถ้าว่างจากการเรียนหนังสือก็จะไปรับจ้างเสริฟ์ก๊วยเตี๋ยว รับจ้างล้างจานเพื่อหาเงินมาช่วยแม่ตลอด หรือก็ไปรับจ้างก่อสร้างเรียกว่าไปหาเงินทุกอย่างที่สามารถหาเงินได้ และเงินที่ได้มาก็จะเอามาให้แม่หมดเลย น้องเปรมแทบจะไม่ได้ใช้ชีวิตวัยเด็กเหมือนกับคนอื่นเพราะเขาจะต้องหาทำงานหาเงินตลอด"
เปรม กล่าวว่า "หลังจากคุณพ่อเสียแล้วผมก็ต้องออกมาหางานทำเพื่อช่วยคุณแม่ก็เริ่มจากการไปทำงานก่อสร้างก็ไปช่วยเค้ายกของในงานก่อสร้างก้ได้เงินวันละ 20 บาท เมื่อได้เงินมาก็เอาเงินไปให้แม่ ตอนนั้นแม่ก็แปลกใจว่าเอาเงินที่ไหนมาก็บอกแม่ว่าไปทำงานก่อสร้างซึ่งความจริงแม่ก็ไม่อยากให้ทำแต่ผมอยากช่วยเหลือแม่ก็เลยไปทำตลอดตอนนั้นชีวิตก็ค่อนข้างลำบากแต่ก็สู้ไม่ท้ออะไร จนกระทั่งเรียนจบป.6 แล้วจะต้องไปเรียนต่อม.1ช่วงนั้นคุณแม่ก็ไม่มีเงินที่จะไปสมัครเรียนผมก็เลยต้องเดินจากบ้านเพื่อไปสมัครเรียนม.1ประมาณ 3-4 กิโลซึ่งทางโรงเรียนเขาก็เลยเห็นใจรับผมเข้าไปเรียนจนกระทั่งผมเรียนจบม.3"
"หลังจากที่เรียนจบม.3แล้วก็คิดอยากที่จะรับราชการทหารอากาศก็เลยตัดสินใจนั่งรถมาสมัครที่กองดุริยางค์ทหารอากาศคนเดียว ที่อยากรับราชการก็เพราะอยากรับใช้แผ่นดินช่วงนั้นก็เดินทางไปกับกรุงเทพฯลำปางหลายครั้งมากแต่ละครั้งที่มาก็ไม่มีเงินก็อาศัยยืมเงินของญาติๆมาสอบตลอด จนกระทั่งสอบเข้ารับราชการทหารอากาศได้แต่ต้องรีบมารายงานตัวให้ทันเวลาที่เขากำหนดปรากฏว่าไม่มีเงินมาอีกทางอาจารย์ที่โรงเรียนเก่ามัธยต้นก็ช่วยกันออกค่าใช้จ่ายให้มารายงานตัวอีก ระหว่างที่เรียนหนังสืออยู่ก็จะมีวันว่างเสาร์อาทิตย์ผมก็จะชวนเพื่อนๆที่เรียนด้วยกันไปหารายได้พิเศษด้วยการเล่นดนตรีเปิดหมวกตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งเงินที่หามาได้ก็จะส่งกลับไปให้แม่เพื่อไว้ใช้จ่ายจนผมเรียนจบและเข้ารับราชการก็เลยตัดสินใจช่วยแม่มาอยู่ด้วยที่กรุงเทพฯเพราะแม่อยู่โน่นคนเดียวก็เป็นห่วงก็เลยอยากให้แม่มาอยู่ด้วยกัน"
แม่นุ้ย กล่าวเสริมว่า "ตอนที่น้องเปรมเรียนทหารนั้นแม่ก็ทำงานเป็น รปภ.อยู่ที่ลำปาง เมื่อตัดสินใจมาอยู่กลับน้องเปรมที่กรุงเทพฯก็เลยตัดสินใจขอโอนย้ายงานมาที่กรุงเทพฯก็มาทำงานเป็น รปภ.เหมือนเดิมอยู่ที่วัดพระศรีมหาธาตุเพราะได้ทำงานใกล้กับลูกด้วย ตอนนี้เวลาเขาว่างจากการทำงานเสาร์-อาทิตย์ก็จะมาช่วยแม่ทำงานที่วัดพระศรีฯตลอดก็รู้สึกดีใจที่เราสองคนแม่ลูกต่อสู้และฝ่าฟันปัญหาและอุปสรรคต่างๆมากันได้และก็ดีใจที่มีลูกที่ดีเขาไม่เคยทำให้เรารู้สึกผิดหวังในตัวเขาเลย ส่วนเรื่องทำงาน รปภ.ก็จะทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะไม่ไหวและก็ภูมิใจกับอาชีพตัวเองด้วย"
จ่าอากาศโทเปรม กล่าวอีกว่า "ตอนนี้ชีวิตก็ถือว่าประสบความสำเร็จมาขั้นหนึ่งแล้วกับการเข้ารับราชการทหารแต่อนาคตก็อยากที่จะทำธุรกิจอะไรสักอย่างเผื่อไว้ใน และก็อยากจะเป็นเกษตรกรอยากทำในลักษณะของเศรษฐกิจพอเพียง ส่วนเรื่องที่ทุกวันนี้มีคนมาทำถามว่าแม่ทำงานอะไร ผมก็พร้อมที่จะบอกว่าแม่ทำงานเป็น รปภ.เพราะแม่ทำงานอาชีพสุจริต ผมก็ไม่รู้สึกว่าอายใครแต่กลับภูมิใจด้วยที่มีแม่ที่ดี"
ติดตามเรื่องราวความรักพร้อมทั้งการต่อสู้ชีวิตของหนุ่มวัย 19 ปี จ่าอากาศโท เปรม จันทะวงศ์ ได้ในรายการ ปากโป้ง ในวันอาทิตย์ที่ 6 ธ.ค.58 เวลา 11.00 น.ทางช่อง 8 ดิจิตอลทีวี